รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยเช้านี้ยื่นศาลทหารขอหมายจับ อดีต 2 ตำรวจกองปราบปราม ตำรวจยศสูง ทหารและพลเรือน ร่วมแก๊งหมอหยอง ผิดมาตรา 112, ปืน, วิทยุสื่อสาร
วันนี้ (25 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันฯ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลทหารได้อนุมัติหมายจับนายจิรวงศ์ วัฒนเทวศิลป์ หรืออาร์ท เลขานุการส่วนตัวนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง เพิ่มเติมในข้อหาความผิดตามมาตรา 112 หลังพบว่าร่วมกระทำผิด ซึ่งเป็นกรณีต่างกรรมต่างวาระ อยู่ใน 7 สำนวนที่กำลังสอบสวน ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลทหารและศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตราอื่นๆ เช่นกรณีเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และวิทยุสื่อสารเพิ่มเติม โดยในจำนวนนี้มี พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร อดีตผกก.2 ป. และพ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัญเลขา อดีตรอง ผกก.2 บก.ป.ที่ลาออกไปแล้ว และยังมีตำรวจที่ยศสูงกว่า พ.ต.อ. ทหาร และพลเรือน รวมมากกว่า 4 คน แต่ถึง 10 คนหรือไม่ ตนจำรายละเอียดจำนวนชั้นยศ และชื่อไม่ได้ เพราะรายละเอียดในสำนวนมีจำนวนมาก รอให้ศาลอนุมัติหมายจับก่อนจึงชี้แจงได้ โดยในกลุ่มนี้มีทั้งที่เป็นเครือข่ายของนายสุริยัน และกลุ่มที่ไม่ใช่เครือข่าย จากการสอบสวนถึงขณะนี้กลุ่มของนายสุริยันนั้น มีนายสุริยันใหญ่ที่สุดสูงที่สุดแล้ว
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า การขออนุมัติหมายจับล่าสุดเป็นการสืบสวนสอบสวนขยายผลใน 7 สำนวนที่ตนกำลังดำเนินการสอบสวน ซึ่งคาดว่าจะขยายผลไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก ขณะที่การขออนุมัติหมายจับล่าสุดนั้นตนมั่นใจในพยานหลักฐาน ทั้งเอกสาร วัตถุพยาน โดยเพราะพยานหลีกฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางเทคนิค ไม่ได้เอาความลับ หรือคำซัดทอด หรือคำสารภาพไปขอหมายจับแต่ดูจากพยานหลักฐานทั้งหมดจนมั่นใจเราต้องชัดเจน มิฉะนั้นเป็นการละเมิดอำนาจศาล ทั้งนี้ อยู่ที่ดุลพินิจศาลจะอนุมัติหรือไม่หรืออาจให้สอบสวนเพิ่มเติมก็ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจที่ออกหมายจับรายล่าสุดระดับชั้นยศ พล.ต.อ.ที่ลาออกไปแล้วหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ตนไม่ได้พูด รอให้ศาลพิจารณาอนุมัติก่อนดีกว่า แต่ไม่ใช่บุคคลที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ส่วน พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ที่มีกระแสข่าวว่าอาจพัวพันในคดีนี้ก็ไม่ปรากฏในสำนวนเช่นเดียวกับ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผบช.ส.ที่ถูกสั่งให้มาช่วยราชการ ศปก.ตร.ที่ไม่ปรากฏในสำนวน
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ในขั้นนี้ยังไม่มีการออกหมายจับในสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัท สามารถ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จะส่งสำนวนคดีหมิ่นสถาบันฯ อีก 3 สำนวนในคณะพนักงานสอบสวนชุดตนดำเนินการ ยืนยันว่าแม้คดีนี้จะไม่ได้ตัว พ.อ.คชาชาต บุญดี นายทหารเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 มาดำเนินคดีก็ไม่กระทบต่อสำนวน แต่ได้มาก็ดี ทั้งนี้ฝ่ายสืบสวนพยายามตามจับกุมตัวให้ได้ มีการเร่งรัดโดยตลอด
“คดีนี้ก่อนขออนุมัติหมายจับตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ขอหารือ ผบ.ตร.แล้ว ส่วนการพิจารณาดำเนินการทางปกครองกับตำรวจเหล่านี้ที่ยังอยู่ในราชการ ก็ต่อเมื่อศาลอนุมัติหมายจับแล้ว คดีนี้แม้มีตำรวจและทหารเป็นผู้ต้องหาก็ไม่มีใครสั่งเบรกหรือวิ่งเต้นให้ช่วยเหลือ มีแต่สั่งให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามกบิลบ้านกบิลเมือง ให้สอบสวนจนสิ้นกระแสความ” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในกรณีอุทยานราชภักดิ์ นั้น รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ในฐานะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทราบว่ามีการกล่าวโทษตามข่าวในหนังสือพิมพ์เท่านั้น ไม่ใช่การร้องทุกข์ จึงยังไม่เป็นคดี ตามกฎหมายตำรวจก็ต้องเชิญหนังสือพิมพ์มาสอบสวนว่าเสนอข่าวนั้นจริงหรือไม่ เอาข่าวมาจากไหน หากไม่มีมูลก็จะยุติไปตามกระบวนการของกฎหมาย
มีรายงานว่า สำหรับนายตำรวจยศสูงที่พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับ เป็นระดับ ผบก.ในสังกัดหน่วยขึ้นตรงสำนักงาน ผบ.ตร.
