MGR Online - ตำรวจภูธรภาค 1 จับสาวใหญ่อ่างทองโหดจ้างแฟนหนุ่มยิงพี่ชายซึ่งเป็นจ่าทหารตายคากระท่อมกลางนาพร้อมพี่สะใภ้ ก่อนชิงสร้อยทองหนัก 5 บาทพร้อมทรัพย์สินอื่นไปขาย สอบพบแก๊งมือปืนเคยก่อนเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง
วันนี้ (13 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ก. รรท.รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.ภ.จว.อ่างทอง ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาประกอบด้วย นายจำเนียร หรืออ้อ สุตนาม อายุ 49 ปี ชาวอ่างทอง ตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 13 ที่ 73/2558 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ชิงทรัพย์เพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน หรือชุมนุมชน และหมายศาลมณฑลทหารบกที่ 13 ที่ 73,81/2558 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถจะออกใบอนุญาตให้มีได้, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน
น.ส.ดวงรัตน์ เกิดทรัพย์ อายุ 49 ปี ชาวอ่างทอง ตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 13 ที่ 74/2558 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ข้อหาเป็นผู้ใช้ให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นผู้ใช้ให้ชิงทรัพย์เพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปในเวลากลางคืนเป็นเหตุในผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป
นายชาตรี หรือจุก พวงบานเย็น อายุ 49 ปี ชาวพระนครศรีอยุธยา ตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 13 ที่ 75/2558 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันชิงทรัพย์เพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปในเวลากลางคืนเป็นเหตุในผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถจะออกใบอนุญาตให้มีได้, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน และหมายศาลมณฑลทหารบกที่ 13 ที่ 77, 80/2558 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถจะออกใบอนุญาตให้มีได้, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน
นายวิเชษฐ์ รุ่งแจ้ง อายุ 49 ปี ชาวอ่างทอง ตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 13 ที่ 76,89/2558 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถจะออกใบอนุญาตให้มีได้, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน”
พร้อมของกลางอาวุธสงครามที่ใช้ก่อเหตุ (ปืนคาร์บิน) 1 กระบอก ตั๋วจำนำสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท จำนวน 1 แผ่น จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นใบทะเบียน 1 คัน เครื่องจักรยานยนต์จำนวน 1 เครื่อง
พล.ต.ต.รณศิลป์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางจัก ได้รับแจ้งเหตุพบศพถูกยิงเสียชีวิตอยู่ในกระท่อมกลางทุ่งนา หมู่ที่ 2 ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ทราบชื่อภายหลัง จ.ส.อ.สุรศักดิ์ เกิดทรัพย์ อายุ 54 ปี ชาวอ่างทอง ทหารสังกัด ป.พัน.31 รอ. และนางอรุณ เกิดทรัพย์ อายุ 54 ปี ชาวอ่างทอง ภรรยาของ จ.ส.อ.สุรศักดิ์ สภาพศพทั้งสองถูกยิงที่ศีรษะและลำตัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า คนร้าย คือ นายจำเนียร จึงดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขออนุมัติออกหมายจับนายจำเนียร ต่อมาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านชุดจับกุมได้ติดตามจับกุมตัวนายจำเนียรขณะกำลังหลบที่ได้ที่บริเวณศาลาที่พักผู้โดยสาร ต.บางรัก อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
นายจำเนียรให้การรับสารภาพว่าได้รับการจ้างวานจาก น.ส.ดวงรัตน์ น้องสาวของผู้ตาย โดยให้ค่าตอบแทนเป็นทรัพย์ของ จ.ส.อ.สุรศักดิ์ทั้งหมดเป็นค่าจ้าง อีกทั้งนายจำเนียรและ น.ส.ดวงรัตน์มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอีกด้วย
นอกจากนี้ นายจำเนียรยังชักชวนเพื่อน คือ นายชาตรี ให้มาเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ในการก่อเหตุ หลังจากก่อเหตุเสร็จได้ทำการรื้อค้นเอาทรัพย์สินของผู้ตายและได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อนำสร้อยคอทองคำของผู้ตายให้หลานชายนำไปขายที่โรงรับจำนำ กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว
นายจำเนียรให้การรับสารภาพอีกว่า ตนและนายชาตรี พร้อมด้วยนายวิเชษฐ์ เคยก่อเหตุใช้อาวุธปืนคาร์บินยิงข่มขู่ที่บ้านใน ต.ป่าโมก อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ในวันที่ 7 มิถุนายน 2558 โดยได้รับการว่างจ้างจากนายวาล (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) และนายต้น (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) จ้างในราคา 20,000 บาท และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนจำนวน 3 หัว และปลอกกระสุนปืนจำนวน 8 ปลอก ได้เก็บรวบรวมพยานวัตถุส่งไปตรวจพิสูจน์ ต่อมาวันที่ 12 มิถุนายน 2558 ได้มีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดขับขี่จักรยานยนต์แล้วใช้อาวุธปืนยิงบ้านเลขที่ดังกล่าวอีกครั้ง
จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นปืนชนิดเดียวกัน กระสุนชนิดเดียวกันทั้ง 3 คดี จึงทำการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี
พล.ต.ท.ชัยวัฒน์กล่าวว่า เบื้องต้นนายจำเนียร นายชาตรี และนายวิเชษฐ์ ให้การรับสารภาพ แต่ น.ส.ดวงรัตน์ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ทาง บช.ภ.1 มีนโยบายที่เกี่ยวกับอาวุธปืนที่มีเกลียวลำกล้องทุกชนิดยิงเพื่อเก็บปลอกกระสุนไปตรวจสอบว่ามีการก่อเหตุที่ใดบาง
ทั้งนี้ นายจำเนียรเปิดเผยว่า ปืนคาร์บินที่ใช้ในการก่อเหตุทั้ง 3 คดีนั้นสั่งซื้อมาจากคนขับรถแท็กซี่ชื่อนายนพ (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร