ASTV ผู้จัดการ - กองปราบค้นบ้านเถ้าแก่เนี้ยร้านทองในตัวเมืองหาดใหญ่ จำเลยในคดีจ้างวานฆ่าลูกสะใภ้ขณะตั้งครรภ์เมื่อปี 2550 หลังถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินประหารชีวิต ทางญาติได้อ้างว่าจำเลยเป็นลมจนเสียชีวิต ต่อมาศาลฎีกาให้ใต่สวนใหม่ และเชื่อว่า มีการจัดฉากการเสียชีวิต เพื่อหลบหนีการรับโทษ อีกทั้งมีคนพบเห็นจำเลยเมื่อ 3 - 4 เดือนก่อน จึงนำกำลังได้เข้าไปตรวจค้นแต่ก็ไม่พบตัวแต่อย่างใด
วันนี้ ( 28 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ พนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. นำกำลัง เจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป.จำนวน 40 นาย พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดสงขลา ที่ 236/2558 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่83/132140,297,299,301,303,305,307,309,311,313 รวม 10 หลังใน ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อติดตามจับกุม นางจุรี จันทร์งาม อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 427 หมู่ 2 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ สช 151/2558 ฐานความผิด ฐานจ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้อื่น แล้วจัดฉากการตายระหว่างประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์
โดยเป็นพื้นที่บริเวณบ้านดังกล่าวเป็นของ “โกหมิ่น หาดใหญ่” หรือ นายสมศักดิ์ วาณิชสุวรณ เจ้าของห้างทอง สุวรรณศิลป์ เซียนพระชื่อดังและผู้กว้างขวางใน อ.หาดใหญ่ และเป็นน้องเขยของ นางจุรี ซึ่งบริเวณบ้านพักกว้างใหญ่รวม 16 ไร่ แบ่งเป็นบ้านพักคนงานลักษณะเป็นห้องแถว 9 ห้องและบ้านไม้ยกสูงอีก 1 หลัง มีรั้วรอบขอบชิด
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่พบตัว น.ส.รัศมี จันทร์งาม อายุ 40 ปี ลูกสาว นางจุรี โดย น.ส.รัศมี กล่าวเพียงสั้นๆ “ว่ามากันทำไม แม่ฉันตายไปตั้งนานแล้ว” เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายตรวจค้นและกระจายกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักทุกหลังอย่างละเอียดและปิดล้อมบริเวณพื้นที่ทั้งหมดเพื่อป้องกันการหลบหนี จากการตรวจค้นทั้งบ้านพักคนงานและบ้านไม้ยกสูงพบเพียงแม่ยาย นายสมศักดิ์ นอนป่วยเป็นอัมพาต และคนงานร้านทอง 5 คน จากการสอบถามทุกคนต่างให้การปฏิเสธว่าไม่มีนางจุรีเข้าหลบซ่อนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามพยานทราบว่าเห็นลูกสาวนางจุรี สองคนแวะเวียนเข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นประจำ ซึ่งลูกสาวผู้ต้องหาจะเป็นคนระมัดระวังตัวมาก โดยก่อนเข้าบ้านก็จะขับรถยนต์วนเวียน เปลี่ยนเส้นทางตลอดเวลาเพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้พยานยังยืนยันว่าเห็น นางจุรี เดินทางเข้า-ออกจากบ้านหลังดังกล่าวเมื่อ 3-4 เดือนก่อน
ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 13 ธ.ค.50 เกิดเหตุมือปืนบุกยิง น.ส.ริ้วแพร โชติการ อายุ 26 ปี เภสัชกรณ์ โรงพยาบาลควนเนียง กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน เสียชีวิตที่คลินิกเวชกรรมของ นพ.รังสรรค์ รัตนพันธ์ ใน อ.ควนเนียง จ.สงขลา พร้อมนายอดิศร์ ประทีปทัศน์ พนักงานจัดยาที่ยืนอยู่บริเวณเคาน์เตอร์อย่างโหดเหี้ยม
จากการสืบสวนพบว่า ผู้ตายกำลังจะแต่งงานกับ นายวิกรม จันทร์งาม อายุ 36 ปี พนักงานธนาคารบุตรชายเพียงคนเดียวของ นางจุรี ในวันที่ 29 ธ.ค.50 ที่โรงแรมไดอิชิ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ นางจุรี ไม่ยินยอมเนื่องจากบ้านตนเองมีฐานะดีเป็นเศรษฐีมีหน้ามีตาของ อ.หาดใหญ่ ส่วนครอบครัวของ น.ส.ริ้วแพร นั้นมีฐานะที่ด้อยกว่า จากนั้น นางจุรี ก็ได้ประกาศว่า หากไม่ยกเลิกงานแต่งก็ให้จัดงานศพแทน
ต่อมา พ.ต.ท.ศักดา เจริญกุล รอง ผกก.กลุ่มงาน สืบสวน ภ.จ.สงขลา ในขณะนั้น จับกุมทีมมือปืนได้ 2 ราย ประกอบด้วย นายนรินทร์ จันทร์ฉาย อายุ 36 ปี ได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ พื้นที่ หมู่ 7 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และนายจำนงค์ คงสุวรรณ อายุ 40 ปี ที่บ้านเช่าเลขที่ 255 หมู่ 4 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง สอบสวนมือปืนให้การซัดทอดว่า นางจุรี จ้าง 5 แสน
ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องตามข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ในชั้นอัยการสั่งไม่ฟ้อง นายจำนงค์ คงสุวรรณ ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิต ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทว่านางจุรี วางหลักทรัพย์ 5 ล้านบาทขอประกันตัว มีเพียงนายนรินทร์ มือปืนถูกขังอยู่ในเรือนจำ กระทั่ง วันที่ 27 ก.พ.57 น.ส.รัศมี ลูกสาวและทนายได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลาว่า นางจุรี จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 24 ก.พ.57 ที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และได้เผาศพที่วัดมณีสพ ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร เมื่อวันที่ 28 ก.พ.57 พร้อมยื่นใบมรณะบัตรเป็นหลักฐานการตาย ขอให้ศาลคืนเงินประกัน
จากนั้น ศาลฎีกาจังหวัดสงขลามีคำสั่งให้ไต่สวนการตายของ นางจุรี โดย น.ส.รัศมี ลูกสาวได้เป็นพยานเบิกความว่าตนกับพี่สาว และผู้ตายกลับจากการร่วมชุมนุม กปปส.ที่กรุงเทพมหานครแล้วแวะที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ปรากฏว่านางจุรี เป็นลมเสียชีวิต เมื่อเห็นว่าเสียชีวิตแล้วเลยไม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล รุ่งขึ้นฝากศพไว้กับเพื่อนก่อนไปพบผู้ใหญ่บ้านแจ้งการตาย ขอให้ออกหนังสือรับรองนำเป็นหลักฐานแจ้งอำเภอ
พนักงานอัยการจังหวัดสงขลาในฐานะผู้คัดค้านนำพยานเข้าสืบ 6 ปาก คือ เจ้าหน้าที่รับแจ้งการตาย ปลัดอำเภอ สัปเหร่อวัดมณีสพ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาส รวมถึง ร.ต.ท.สิทธิพร ขันธ์พระแสง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ยืนยันว่าไม่มีการจัดงานศพและเผาศพนางจุรีแต่อย่างใด และไม่มีพยานคนใดเห็นศพนางจุรี ส่วนสาเหตุที่ออกใบมรณะบัตร ทางอำเภออ้างเหตุผลว่า เพราะมีใบรับรองการตายจากผู้ใหญ่บ้านที่เป็นพนักงานตามระเบียบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องของ น.ส.รัศมี จันทร์งาม นายประกัน และพยานหลักฐานของพนักงานอัยการจังหวัดสงขลาผู้คัดค้านแล้วมีความเห็นว่า นางจุรี จันทร์งาม จำเลยที่ 2 ยังไม่ได้ถึงแก่ความตายตามที่นายประกันกล่าวอ้าง และเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติกรรมหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาฎีกา ศาลฎีกาจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังว่า จำเลยที่ 2 ผิดตามฟ้อง แต่นายวิกรม จันทร์งาม บุตรชายให้การเป็นพยานในชั้นสอบสวนเป็นเหตุบรรเทาโทษแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดา จึงลงโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลพิพากษายืนประหารชีวิต กระทั่งจัดฉากการตายดังกล่าว
จากนั้นเมื่อวันที่ 27 ม.ค.58 นางฤดีมาศ สิงห์มณี อายุ 55 ปี มารดา น.ส.ริ้วแพร ได้เข้าร้องเรียนให้ พนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป.ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว กระทั่งเมื่อเดือน มี.ค.2558 เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นของศาล จ.สงขลาเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 427 หมู่ 2 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา แต่ก็ไม่พบตัว นางจุรี แต่อย่างใด โดยพบเพียงภาพภ่ายของเจ้าตัวคว่ำอยู่ในตู้เสื้อผ้า โดยไม่มีการปักธูปเทียนเหมือนคนตายทั่วๆ ไป กระมั่งวันนี้สืบทราบว่านางจุรี มากบดาน ที่บ้านของ นายสมศักดิ์ แต่ก็ไม่พบตัวแต่อย่างใดอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้คงรู้ตัวมาก่อนเนื่องจากญาติๆ เป็นผู้กว้างขวางรู้จักคนมีสีระดับสูงหลายคน
ด้าน นางฤดีมาศ มารดา น.ส.ริ้วแพร ผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากตำรวจกองปราบได้เข้าค้นบ้านแล้วไม่พบตัวผู้ต้องหาตนไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด ตนยังหวังว่าสักวันตำรวจจะจับคนที่สั่งฆ่าลูกสาวตนได้ คิดว่าต้องได้ตัว ก่อนหน้านี้สาเหตุที่ลูกสาวตายเคยบอกกับตนว่า ครอบครัวตนจนกลัวลูกสาวจะไปชุบมือเปิดสมบัติตระกูลของเขา และหากแต่งงานไปลูกชายก็จะไม่ได้มาช่วยธุรกิจครอบครัว
“ หลังสูญเสียลูกสาวก็เหมือนความหวังหวังในชีวิตหมดไป ทุกวันยังคิดถึงเขาตลอด อย่างไรก็ตามหากลูกเราเป็นคนเกเรจะไม่โกรธเลย แต่นี่ลูกฉันเป็นคนดี รักครอบครัว” นางฤดีมาศ กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง