ASTV ผู้จัดการ - ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลจับกุมกลุ่มต้องหาร่วมกันฆาตกรรมนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น วัย 84 ปี ด้านนายสำพันธ์ น้องเขย น.ส.ภรณี รับสารภาพพี่สาวเป็นผู้ว่าจ้างให้ลงมือก่อเหตุ แต่เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ
วันนี้ (16 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ อาคารอเนกประสงค์ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุคุณ พรหมมายน ผบก.ภ.จ.อ่างทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสำพันธ์ แจ่มแจ้ง อายุ 46 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทองเลขที่ จ.328/2558 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2558, น.ส.ภรณี นภาดล อายุ 48 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง เลขที่ จ.331/2558 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2558 และนายสราวุธ สะอาดศรี อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ จ.330/2558 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2558 พร้อมของกลางทรัพย์สินเป็นนาฬิกายี่ห้อดีราคาแพง แว่นตากรอบสีดำ เงินสด 3,220 บาท
พล.ต.ต.สุคุณกล่าวว่า คดีนี้เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 ต.ค. เจ้าหน้าที่ สภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง รับแจ้งพบศพนายคาซูโอะ โยชิโอกะ อายุ 84 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ถูกอาวุธมีดเชือดคอและแทงที่ลำตัวหลายบาดแผลจนเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 9 ต.ยี่ล้น อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่สืบสวนจนพบว่าคนร้ายน่าจะเป็นนายสำพันธ์ แจ่มแจ้ง จึงออกหมายจับและจับกุมตัวได้ที่สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อช่วงดึกของวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา จากการสอบสวนมีซัดทอดว่าได้รับการว่าจ้างจาก น.ส.ภรณี ภรรยาของนายคาซูโอะ โดยมีค่าจ้างทั้งหมด 40,000 บาท โดยได้รับไปแล้ว 20,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คนและดำเนินการจับกุมทันที
ด้านนายสำพันธ์ให้การว่า ตนเป็นน้องเขยของ น.ส.ภรณี ภรรยาผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุได้รับการว่าจ้างให้ไปก่อเหตุฆ่านายคาซูโอะ หากฆ่าไม่ตายจะได้เงินเพียง 20,000 บาท เพราะ น.ส.ภรณีมีชู้อยู่ที่ จ.จันทบุรี โดยวางแผน 3 วันก่อนเกิดเหตุ มีการนัดวางแผนที่โรงแรมวิเศษอินน์ใน อ.วิเศษชัยชาญ เมื่อถึงวันเกิดเหตุตนกับนายสราวุธได้ล่องเรือนำบันไดพาดมาที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นได้เข้าไปทางหลังห้องน้ำ โดย น.ส.ภรณีจะอำนวยความสะดวกให้โดยการไปนอนที่อื่น บอกให้ตนเข้ามาบ้านได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 22.00 น.เป็นต้นไป แต่ตนล่องเรือมาตอนเที่ยงคืนหนีบบันไดติดตัวมาด้วยโดยเอาซ่อนตามน้ำ และห่อผ้าหุ้มไว้เพื่อไม่ให้เกิดเสียงตอนปีน
นายสำพันธ์ยังกล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็ปีนขึ้นไปที่ห้องพบนายคาซูโอะนอนตะแคงอยู่บนเตียงจึงกระโดดขึ้นคร่อมแล้วเอามืออุดปากไม่ให้ร้อง ให้นายสราวุธจับขาไว้ จากนั้นเอามีดแทงเข้าที่ท้องนายคาซูโอะ ปรากฏว่ามีดงอเนื่องจากเป็นมีดทำครัวบาง จึงใช้กรรไกรที่พกติดตัวมาแทงเข้าที่ท้อง 3 แผล ระหว่างนั้นนายคาซูโอะกัดนิ้วตนที่อุดปากไว้ ด้วยความโมโหจึงต่อยที่หน้าอีก 2 ครั้ง จากนั้นลากลงจากเตียง บังคับให้เปิดตู้เซฟ ระหว่างนั้นนายคาซูโอะร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ตนจึงจับศีรษะนายคาซูโอะฟาดไว้ที่ตู้เซฟ แต่นายคาซูโอะยังร้องไม่หยุดจึงใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิต จากนั้นจึงค้นทรัพย์สินภายในห้องพักกวาดเงินแล้วแบ่งกับนายสราวุธแยกย้ายกันหลบหนีไป
ทั้งนี้ ระหว่างที่แถลงข่าว น.ส.ภรณี ที่ถูกนำตัวมาแถลงข่าวด้วยได้พยายามทักท้วงว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับการจ้างวานแต่อย่างใด และขอให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ลงโทษทางกฎหมายให้หนัก โดยตนไม่เคยไปพบกับนายสำพันธ์ที่โรงแรมและไม่เคยคิดจ้างวานฆ่านายคาซูโอะแต่อย่างใด เพราะรู้จักกันมา 19 ปี และนายคาซูโอะเพิ่งเดินทางกลับจากญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเพราะพบว่าประตูบานเลื่อนและช่องลมที่ห้องน้ำมีการปลดล็อกไว้ โดยนายสำพันธ์ให้การว่า น.ส.ภรณีเป็นคนปลดล็อก อีกทั้งบ้านหลังดังกล่าวมีเพียงนายคาซูโอะกับ น.ส.ภรณีพักกันสองคนเท่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายสำพันธ์ และนายสราวุธ คือ ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ส่วน น.ส.ภรณีแจ้งข้อหาจ้างวานฆ่า ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เปิดเซฟของนายคาซูโอะ พบทรัพย์สินเป็นเงินสด 8 แสนบาท และเงินเยนญี่ปุ่น 8 ล้านเยน เป็นเงินไทย 2.4 ล้านบาท พร้อมหนังสือเดินทางของนายคาซูโอะ และทรัพย์สินมีค่าจำนวนหนึ่งรวมมูลค่าเงินทั้งหมด 3.2 ล้านบาท จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานต่อไป นอกจากนี้ ทางตัวแทนเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่นนำดอกไม้จากลูกชายของผู้เสียชีวิตที่ฝากมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ช่วยคลี่คลายคดีได้สำเร็จ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบประวัตินายสำพันธ์ว่าเคยก่อเหตุฆ่าปาดคอนางทองสุข บุญจทิตย์ อายุ 74 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตหัวหน้า รพ.สต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ที่บ้านเลขที่ 192/2 หมู่ 1 ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 56 โดยกวาดทรัพย์สินไปจำนวนหนึ่ง ทั้งอาวุธปืน ทอง แหวนเพชร พระเครื่องสมเด็จ เงินสด 6,000 บาท โดยแบ่งให้ผู้ร่วมก่อเหตุซึ่งเป็นญาติพี่น้องกันคนละ 1,000 บาท