แจกใบสั่งระนาว ชาวประชา”โคตรข้องใจ”เชื่อมีตำรวจหัวแหลมใช้กฎหมายทำมาหากิน “ท้า”หากบริสุทธิ์ใจให้แจงจำนวนใบสั่งและยอดเงินเปอร์เซ็นต์ค่าปรับ....เผยปี 58 สุดอันตราย ยอดคดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น พุ่งปรู๊ดแต่ตำรวจไทยจับได้จิ๊บจ้อย เตือน 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนโจรเพ่นพล่านที่สุด
“จ๊อบส์ ดีบี”ผู้ให้บริการงานออนไลน์ชื่อดังเคยเสนอมุมมอง “เจ้านาย 8 ประเภทที่ลูกน้องสุดเอือมระอา”คือ เจ้านายทรงอำนาจ เจ้านายผู้สูงส่ง เจ้านายจอมคลุมเครือ เจ้านายนักสร้างปัญหา เจ้านายจอมเร่ง เจ้านายแสนดราม่า เจ้านายผู้จุกจิก และเจ้านายนักขโมย(ผลงาน)” เรื่องดัง-ข่าวเด็ด เขย่าสีกากีโดย “บิ๊กเกรียน”ขอหยิบมุมมองลูกน้องที่มีต่อเจ้านายมาเปิดหัวคอลัมน์....00000.....13 ต.ค.ที่ผ่านมาครบรอบ 100 ปี “ตำรวจไทย”พอดี “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.คนที่ 11 เปิดใจ “เจ้านายคนใหม่”หลัง 1 ปีในยุคมืดมนลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาระส่ำระสาย ที่ไปไม่รอดหมดทางออกตัดสินใจฆ่าตัวตายไปก็มี แถมหลายคนล้มละลายต้องออกจากราชการหมดอนาคตเมื่อเข้าสู่ยุคใหม่แม้ประเดิมไม่สวยโดยเฉพาะมาตรการ “ล้วงเนื้อจากปากเสือ”ห้ามตั้งด่านลอยทั่วประเทศจนเกิดอาการ “งอน”ประชดเงียบจนถึงเข้าเกียร์ว่างทั้งกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัด หา “ศรีษะ”ไม่เจอปล่อยบ้านเมืองโหวงเหวงไม่ดูดำดูดีได้ไง....
00000.....ฝาก “บิ๊กแป๊ะ”กำชับ “ผู้บัญชาการภาค”อย่าให้เกิดกรณีอย่างนี้โดยเด็ดขาด คงไม่ต้องถึงกับเรียกมา “ปรับทัศนคติ” แต่ควรทำความเข้าใจเพราะสิ่งที่ตำรวจจราจรส่วนหนึ่งเคยทำไว้มันติดตาตรึงใจสร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสให้กับประชาชนมานานแล้วควรคิดละ เลิก กันเสียที ฐานะนักข่าวเก่าและแก่ “บิ๊กเกรียน”มักคุ้น รู้เช่นเห็นชาติตำรวจเป็นอย่างดี เรื่องเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งค่าปรับเกิดขึ้นสมัยพล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา เป็นอธิบดีกรมตำรวจ.....00000.....เจตนาดีต้องการแบ่งรายได้เพื่อ “ล่อใจ”และแก้ปัญหา “ปรับไถ”แต่นานไปกลายเป็นช่องทางทำมาหากิน ลูกน้องพวกแก่วัดเอาทุกทางทั้งจับจริง ปรับจริงหวังเปอร์เซ็นต์ กับจับ “ตีไก่”รีดไถสารพัดมีเรื่องเล่าขำๆขื่นๆว่าหากวันไหนกลับเข้าแฟลตไม่ถึง 2 พันบาทถือว่า “ขาดทุน” ลูกน้องหาเงินส่วนลูกพี่ นั่งห้องแอร์คอยสั่งๆๆพร้อมจัดสรรเงินเข้ากระเป๋า ระดับโรงพักเป็นเรื่องเป็นราวคือสายงานจราจร ตั้งแต่รองสารวัตร ยัน “ผู้กินกับ” แล้วยังส่งต่อไปยัง “เจ้านาย”ที่ควบคุมงานจราจร (บางคน)เรียกว่า “ปากมัน”กันถ้วนหน้า.....
00000.....ทำกันขนาดนี้ยังไม่ถึงใจ พวก “หัวแหลม”ไอคิวดีแต่ความประพฤติเลว “ตั้งเป้า -กำหนดยอด”สั่งไปตามโรงพักโดยอาศัยมาตรการ “กวดขันวินัยการจราจร” บังหน้าเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งจากเปอร์เซ็นต์ค่าปรับกันเยอะๆ.....สารเลวแบบนี้มีจริง และมีตำรวจบางคนที่ทำกัน มันจึงเข้าทำนอง “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง” เมื่อ ผบ.ตร.ออกมาเล่นเองสิ่งที่ตามมาและเกิดผลกระทบอีกทาง (แน่ๆ)ก็คือด่านถูกต้องที่มีนายตำรวจระดับสารวัตรดูแล “บิ๊กเกรียน” ถือโอกาสฝากท่านที่ใช้รถใช้ถนนโปรดระแวดระวังกันให้ดี ข้อกฎหมาย ระเบียบจราจรที่ “เข้าหม้อ”ไปแล้วต้อง “ปัดฝุ่น” มาทำความเข้าใจกันใหม่ ทั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟและแถบบนถนน หาไม่แล้วเวลาถูก “หมาต๋า”จับจะไม่มีอะไรไปต่อรองกับเขาแล้ว.....00000..... “บิ๊กเกรียน”เก็บความข้องใจมานาน ขอแสดงความเห็นในฐานะ “พลเมืองดี”ที่พยายามทำตามกฎจราจรทุกอย่าง ก่อน “ชำแหละ”เรื่องป้ายเตือนความเร็ว อันเป็นที่มาของการทำมหารับทานของตำรวจทางหลวง ขอแวะเรื่องการสอบใบขับขี่สักนิดตั้ง ไม่ทราบว่าแฟนๆ ASTV ผู้จัดการคิดเห็นกันอย่างไรแต่สำหรับ “บิ๊กเกรียน”แล้วรู้สึกว่ากว่าจะได้มา “โคตรยาก - โคตรเสียเวลา”อะไรมันจะเนิ่นนานขนาดนั้น เริ่มจากไปหาซื้อ “ใบรับรองแพทย์”ที่คลินิกห้องแถวหน้ากรมการขนส่งทางบก (กทม.)ควักเงิน 70 บาทคุณหมอแก่ๆถามสองสามคำแล้วเซ็นรับรองให้....ขั้นต่อไปคือยื่นใบร้อง-รับคิวรอสอบข้อเขียน พอผ่านด่านนี้ค่อยไปด่านปฏิบัติ “บิ๊กเกรียน”ยอมเข้าระบบแต่รู้สึกตลกที่ความยากของใบขับขี่ประเทศนี้มิได้อยู่ที่การสอบข้อเขียนหรือปฏิบัติ แต่ดันอยู่ที่ต้องยอมเสียเวลา ยอมลางาน ทิ้งงานอย่างน้อย 1 หรือ 2 วันจึงจะได้ใบขับขี่ตามกฎหมายกำหนดได้.....
00000.....ถึงคิวกองบังคับการตำรวจทางหลวง กันบ้าง “บิ๊กเกรียน”ให้เกียรติกองกำกับการทางหลวง 1 เป็นอันดับแรก และขอนำรายชื่อผู้บังคับบัญชามาแนะนำให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จัก ท่านแรกคือพ.ต.อ.โสภณ สารพัฒน์ ผกก.1 บก.ทล.พร้อมทีมงานประกอบด้วย พ.ต.ท.วันปิติ พฤทธิกุล พ.ต.ท.จรินทร์ ลำลึก รองผกก. 1 บก.ทล.พ.ต.ต.ขุนเขา โพธิสุวรรณ สว. 1 รับผิดชอบพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ต.จิรวัฏฐ์บุญวัฒนาภรณ์ สว.2 รับผิดชอบพื้นที่ จ.สระบุรี พ.ต.ต.ศุภฤกษ์ เคหะทุ่ม สว.3 รับผิดชอบพื้นที่ จ.ลพบุรี พ.ต.ต.วรรษธร วาเกียรธนะ สว4 รับผิดชอบพื้นที่ จ.นครสวรรค์ พ.ต.ต.กฤษฎา คงเจริญจิตร สว.5 รับผิดชอบพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ พ.ต.ต.วรพงษ์ สืบศิรินาม สว.6 รับผิดชอบพื้นที่ จ.สิงห์บุรี.....
00000.....ทำไม “บิ๊กเกรียน”จึงเน้นเฉพาะทางหลวง 1 เหตุผลก็คือมีผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนไม่น้อย “ข้องใจ”กับมาตรการกวดขันการจราจร และตรวจจับความเร็วของตำรวจหน่วยนี้โดยในแต่ละวันจะมี “ใบสั่ง”ของทางหลวง 1 ส่งไปยังเจ้าของรถตามจังหวัดต่างๆเป็นจำนวนมากในข้อหาใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดคือไม่ให้เกิน 60 กม./ชม. อ่านกันแบบนี้อาจจะยังนึกไม่ออก “บิ๊กเกรียน”ขออนุญาตให้นึกถึงถนนมิตรภาพ ช่วงโรงปูนระหว่าง กม.ที่ 24 -25 หรือทางลงเนินมวกเหล็กถนนมิตรภาพ กม.31-32 ตรงจุดนี้ลองถามคนไทยทั้งประเทศที่ไม่ใช่คนสระบุรี กันดูมีใครรู้ไหมว่ามีการกำหนดความเร็ว 60 กม./ชม. ร้อยทั้งร้อยคงไม่ทราบและถึงจะทราบก็อยากรู้ถึงเหตุผล ความเป็นไปได้ของผู้ขับขี่เพราะการเดินทางไกลใครหน้าไหนจะขับคลานเป็นเต่า แถมถนนสภาพไฮเวย์ 100 เปอร์เซ็นต์ทำไมเป็นเขตชุมชน อีกทั้งป้ายเตือนทำให้มันสะดุดตา ให้คนขับเขาได้รู้ได้ระวังกัน.....
00000.....มองทางเดียวคือมีใครบางคนในกองกำกับการทางหลวง 1 “คิดไม่ซื่อ”หากินกับความไม่รู้ของชาวบ้าน จริงอยู่ตำรวจอาจถกเถียงว่าคนไทย คนขับรถต้องรู้กฎหมาย แต่ขอโทษ......”มุกฝืด”แบบนี้มันจะให้มองทางไหนนอกจากต้องการ “ปล้น”เปอร์เซ็นต์ค่าปรับ...ยังไม่หมด.....เมื่อพลิกใบสั่งจะเห็นข้อความเตือนไว้ว่า 1.ให้ชำระค่าปรับตามคำแนะนำในหน้าแรก คือส่งเงินตามจำนวนค่าปรับไปยังชื่อที่อยู่ตามแจ้ง หรือ 2.กรณีไม่มีเงินค่าปรับให้แจ้งประสงค์เข้ารับการอบรมโครงการ “ลดความเร็ว ลดความตาย กลับบ้านปลอดภัย” ณ กองกำกับการ 1 บก.ทล.ต.ห้วยขมิ้น จ.สระบุรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการอบรม (ระยะการแอบรมประมาณ 2-3 ชม.)โดยแจ้งรายละเอียดที่ 036-389-260 หรือ 036-387-299 เมื่อเข้ารับการอบรมเสร็จจะถือว่าท่านได้รับการว่ากล่าวตักเตือนตามกฎหมายแล้ว......ยังไม่หมด.....เพื่อเป็นการนำเสนอที่ครบถ้วน “บิ๊กเกรียน”จะไม่กั๊ก ว่ากันด้วยข้อมูลแฟร์ๆทุกด้าน...
00000.....เหตุผลของการกำหนดความเร็วไว้เพียง 60 กม./ชม.ทางบก.ทล.1 ระบุว่าเป็นไปตามมติคณะกรรมการเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดเสี่ยงถนนมิตรภาพ (ที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.)โดยรถยนต์ส่วนบุคคล ความเร็ว 61 - 100 กม./ชม.ให้ว่ากล่าวตักเตือน ความเร็ว 101 - 120 กม./ชม.ปรับ 500 บาท ความเร็ว 121 ขึ้นไป ปรับ 1,000 บาท ส่วนรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ ความเร็ว 61/75 กม./ชม.ว่ากล่าวตักเตือน 76 กม./ชม.ขึ้นไปปรับ 1,000 บาท.....00000......เมื่อกฎหมายว่ากันอย่างนี้ “บิ๊กเกรียน”ไม่ขัดขอเพียง 2 อย่างเท่านั้นคือ 1.ให้กรมการขนส่งทางบก หรือกรมทางหลวง จัดทำป้ายเตือนผู้ขับขี่อย่างชัดเจนเพื่อทราบว่ากำลังเข้าสู่การกำหนดความเร็ว 2.ให้ยกเลิกการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากค่าปรับอย่างเด็ดขาด ขอแค่นี้....และต้องจำจนวันตาย เวลาใช้รถใช้ถนนต้องตั้งสติก่อนสตาร์ด ไม่งั้นท่านอาจเสียท่า “หมาต๋า”หัวแหลมใช้กฎหมาย “ปล้นกลางแดด”อย่างไม่รู้ตัว.....
00000.....ฮื่อ...เกือบลืมชื่อ-สกุล ที่ “บิ๊กเกรียน”ยกมาทั้ง กก.ทล.1 ให้ได้ยลกันชัดๆแต่ละพระหน่อ “ธรรมดา” ที่ไหนเคยเป็นอดีตนายเวรฯ “บิ๊กตำรวจ” เคยนั่งกองปราบฯ บางคนเคยอยู่ “นครบาล”ล้วนเส้นดี มีนายเด่น “บิ๊กเกรียน”ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาลแต่ขอให้เชื่อว่า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้” ฝากทิ้งท้ายหากพ.ต.อ.โสภณ สารพัฒน์ ผกก. 1 บก.ทล.ต้องการชี้แจง ถามง่ายๆว่าในแต่ละวัน - สัปดาห์ - เดือน มีการออกใบสั่งในลักษณะนี้กี่ใบ ท่านมีรายได้จากการแบ่งเปอร์เซ็นต์ค่าปรับหรือไม่ ใครได้กันบ้าง คนละเท่าไหร่ เดือน-ปี เป็นเงินกี่แสนกี่ล้านบาท และตั้งแต่จัดตั้งโครงการอบรมผู้ไม่มีค่าปรับ เคยมีใครโผล่มาอบรมบ้างหรือเปล่า ถ้ามีกรุณาส่งรายชื่อมาด้วยจักเป็นพระคุณอย่างสูง........เฉพาะ กก.ทล.1 นะ ยังมี กก.ทล. 2-3-4-5-6-7 และ 8ครอบคลุมทั้งประเทศ อะไรที่เหมาะที่ควรฝาก “บิ๊กแป๊ะ”พิจารณาด้วย.....
00000.....วกมาเรื่องอาชญากรรมกันบ้าง....ยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด ยอดคนตกงานเพิ่มโรงงานถอนสมอแห่ไปประเทศเพื่อนบ้าน รัฐกำลังแก้แต่ที่แย่ปริ่มน้ำเจียนอยู่เจียนตายก็คือประชาชนหาเช้ากินค่ำ “บิ๊กเกรียน”ห่วงสุจริตชนที่ต้องเผชิญกับอาชญากรรม อันตรายมากันในทุกรูปแบบจากข้อมูลสถานภาพอาชญากรรมประจำปี 2558 เปรียบเทียบปี 2557 จัดทำโดยกองแผนงานอาชญากรรมสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ(ไม่รวมที่เป่าไปอีกเยอะ) พบว่าปี2557 มีคดีรับแจ้ง 852,993 คดี ตำรวจจับได้ 721,464 หรือคิดเป็น 84.58 เปอร์เซ็นต์ ปี 2558 รับแจ้งคดีต่างๆ 797,174 จับได้ 667,219 คิดเป็น 83.70 เปอร์เซ็นต์.....00000.....เมื่อแยกประเภทความผิดเป็นคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น ปี 2557 มี 69,771 คดี ปี 2558 มี 75,557 คดีเพิ่มขึ้นห้าพันกว่าคดีและจับได้เพียง 44.63 เปอร์เซ็นต์ถือว่าผลงาน “ห่วยแตก” และคดีเกี่ยวกับปล้นทรัพย์ - ชิงทรัพย์มากสุดคือพื้นที่ บก.น.4 ได้แก่ สน.หัวหมาก สน.บึงกุ่ม และสน.ลาดพร้าว ช่วงอันตรายคนร้ายมักเลือกลงมือก่ออาชญากรรมคือระหว่าง 6 โมงเย็นเป็นต้นไปจนถึงเวลาเที่ยงคืน....
.
00000.....ประสา “บิ๊กเกรียน”ไม่ขอโทษใครเพราะปัญหาอาชญากรรมประเทศไทย มันทับซ้อนมีเงื่อนปมอยู่หลายเงื่อน ประเด็นหลักคือตำรวจ “ถอดใจ”ทั้งสายสืบ - สายตรวจพร้อมใจกันเข้าเกียร์ว่าง ถามว่า “ถอดใจ”ด้วยเรื่องอะไร คำตอบมีอยู่แล้วแต่เกรงว่าจะไม่ถูกใจผู้มีอำนาจ “บิ๊กเกรียน”คนแก่ความจำดีแอบได้ยินแถวๆใต้ถุนโรงพักว่าเมื่อมีทหารออกมาลุยจับบ่อนจับซ่องจับสถานบริการก็แถมงานให้ช่วยจับโจรไปด้วย สนุกกันล่ะซิ!!??.....
00000.....อีกเหตุผลคือการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมามีการเล่นพรรคเล่นพวก ตำรวจในยุคมีผบช.น.ชื่อ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล มาจากป่าไหนไม่มีใครรู้ พอเข้าป่าคอนกรีตจึงเกิดอาการ “ตาแตก”บริหารงานไม่ได้ มองภาพรวมปัญหาในพื้นที่ไม่เป็น.....อีกเรื่องต้องยอมรับคือผู้คนอดอยาก ก่อคดี “ติดคุก”ยังมีข้าวกิน “บิ๊กเกรียน”ขอแสดงความห่วงใย ปี 58 ยังขนาดนี้ ปี 59 ภัยแล้งหนักกว่าเก่าจะขนาดไหน.....
00000.....”ตบท้าย”โผนายพลตำรวจยุค “สมบัติผลัดกันชม”ระดับรองผบช.พล.ต.ต.ธเนษฐ์ สุนทรสุข รองผบช.ภ.3 พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.ปส. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐิ รองจเรตำรวจ พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหญานนท์ รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พูนทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รองผบช.ภ.7และพล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด ผบก.อคฝ คาดว่าเป็นรอง ผบช.น......00000.....ส่วนนายพลคุมพื้นที่คาดว่าพล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เป็น ผบก.น.1 พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.อก.บช.ก. เป็นผบก.น.2 พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.ภ.จว.ลพบุรี เป็นผบก.น.5 พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.9 เป็น ผบก.น.6 พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ประจำ บช.น. เป็น ผบก.น.8 พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 เป็นผบ.ก.สส.บช.น. (แทน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา มือปราบคดีระเบิดสี่แยกราชประสงค์) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. ลงพื้นที่ บก.ในนครบาลและพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ประจำ ตร.หรือ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”นายตำรวจหนุ่มคนดัง “ได้เวลาใหญ่”เป็น ผบก.สปพ. หรือ “แม่ทัพน้อย”เมืองหลวง....”หลักการ”ไม่ต้องพูดถึง “ยุคใครยุคมัน”คร๊าบบบ.... 0000