ทนายเผย “อาเดม” ยอมรับเป็นคนนำกระเป๋าใส่ระเบิดวางรั้วศาลพระพรหม โดยมีคนชื่อ “อับดุลเลาะห์” สั่งการ แต่ไม่ได้รับค่าจ้าง และไม่บอกสาเหตุ เผยเป็นคนเชื้อสายอุยกูร์เกิดในตุรกีแล้วย้ายไปอยู่ที่จีน เข้ามาในไทยเพื่อผ่านไปมาเลเซีย โดยจ่ายใจ้โต๊ะเป็นตามรายทางมาตั้งแต่จีน เวียดนาม ลาว และไทย ก่อนมาพักที่พูลอนันต์อพาร์ทเมนต์ ยันรับว่าความไม่เกี่ยวเสื้อแดง แต่เพราะเคยทำคดีให้ชาวตุรกีมาก่อน
วันนี้ (30 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. หลังจากเข้าเยี่ยมนายอาเดม คาราดัก หรือบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ ที่มณฑลทหารบกที่ 11 นานกว่า 3 ชั่วโมง นายชูชาติ กันภัย ทนายความกล่าวว่า การเข้าเยี่ยมครั้งนี้ได้พูดคุยกับนายอาเดมซึ่งได้ข้อยุติว่ายอมรับสารภาพอย่างเต็มใจว่าเป็นผู้นำระเบิดไปวางที่บริเวณรั้วศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ สำหรับมูลเหตุจุงใจนั้นทำตามนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน เป็นผู้สั่งการให้ไปวางกระเป๋าแต่ไม่รับค่าจ้าง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้บอกว่าสาเหตุใดถึงการทำตาม โดยเข้ามาในประเทศไทยก่อนวันที่ 17 สิงหาคม และเป็นผู้สวมเสื้อสีเทาที่มีข้อความว่าไอเลิฟไทยแลนด์ และไม่เคยรู้จัก นายยูซูฟูมาก่อน
นายชูชาติกล่าวว่า นายอาเดมเล่าว่าตนมีเชื้อชาติอุยกูร์ แต่ไม่มีหนังสือเดินทางของประเทศตุรกีกับประเทศจีน โดยนายอาเดมเกิดในประเทศตุรกี ก่อนที่จะมาอยู่ที่อุรุมฉี ทางตอนเหนือของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนที่เข้ามาในประเทศไทยนั้นเพื่อจะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย โดยมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในจีน 1,200 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเดินทางมาที่เวียนาม โดยเสียอีก 200 ดอลลาร์ และมาที่ประเทศลาวเสียอีก 600 ดอลลาร์ จนเข้ามาที่ประเทศไทย ก่อนที่จะมาอยู่ที่พูลอนันต์อพาร์ทเมนต์ ถนนเชื่อมสัมพันธ์ 11 ที่ห้อง 414 ซึ่งเคยเข้าไปพบนายอับดุลเลาะห์ที่ห้อง 412 เพียงแค่ครั้งเดียว
นายชูชาติกล่าวอีกว่า จากการที่พบนายอาเดมในวันนี้ดูมีรูปร่างที่ผอมลง ผิดกับครั้งที่เคยเจอเนื่องการอยู่ในช่วงถือศีลอด โดยก่อนหน้านี้ถือศีลอดไม่ครบกำหนดจึงทำให้ต้องชดเชยวัน จากการพูดคุยนายอาเดมก็มีท่าทีผ่อนคลาย โดยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร นายอาเดมสามารถสื่อสารได้เพียงภาษาอังกฤษแค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น มีการร้องขอล่ามภาษาอุยกูร์เพื่อให้ติดต่อญาติที่อยู่ในประเทศตุรกี หลังจากนี้จะทำการแจ้งต่อทางพนักงานสอบสวนเพื่อขอล่ามภาษาอุยกูร์มาร่วมสอบถามข้อมูลต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มาเป็นทนายนายอาเดมนั้นจะทำให้ถูกเชื่อมโยงกับกรณีที่เคยเป็นทนายให้คนเสื้อแดงหรือไม่ นายชูชาติกล่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน และไม่อยากนำประเด็นนี้มาเกี่ยวข้องจะทำให้สังคมแตกแยก ที่ตนมาทำคดีนี้เพราะว่าเคยทำคดีให้กับชาวตุรกีมาก่อนซึ่งได้รับการไว้วางใจจากนายอาเดม และศาลยังอนุญาตให้เป็นทนายแต่งตั้ง ส่วนชื่ออาเดมหรือชื่อบีลา อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะที่ประเทศจีนและประเทศตุรกีมีชื่อนี้ซ้ำกันหลายชื่อ