xs
xsm
sm
md
lg

“บรรยิน” แจ้งความ “พี่สาวเสี่ยชูวงษ์” หมิ่นประมาท พ่วง ผบก.ป.ค้นบ้านลูกสาวไร้หมายค้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“บรรยิน” หอบหลักฐานแจ้งความกองปราบปรามให้ดำเนินคดีต่อ “พี่สาวเสี่ยชูวงษ์” ในความผิดฐานหมื่นประมาทด้วยการโฆษณาและนำข้อความเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมเอาผิดต่อผู้การบังคับการกองปราบปรามที่ให้กำลังเจ้าหน้าที่ค้นบ้านพักลูกสาวย่านรามอินทราโดยไม่มีหมายค้น



วันนี้ (25 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ ส.ส.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิตปริศนาภายในรถยนต์ยี่ห้อเลกซัสขณะเดินทางไปกับ พ.ต.ท.บรรยิน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภคเวส พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ อายุ 54 ปี พี่สาวของนายชูวงษ์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนำเอกสารข้อความที่มีการโพสต์ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ และเอกสารที่เกี่ยวข้องมอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า น.ส.วันเพ็ญกล่าวหาตนผ่านทางไลน์ซึ่งมีข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทเพราะมีการกล่าวหาว่าตนไปร้องเรียน น.ส.วันเพ็ญ ว่าได้ไปแจ้งกรมสรรพากรให้ไปตรวจสอบบริษัทเขา ทางผู้สื่อข่าวก็คงเห็นแล้วว่าตนไม่เคยไปเลย เป็นการใส่ร้ายซึ่งเรื่องของกรมสรรพากร นั้นตนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติของหน่วยงานรัฐที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นปกติอยู่แล้วไม่เกี่ยวกับที่ตนจะไปแจ้งเลย

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่ตนมาในครั้งนี้คือกรณีที่ตนได้ทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนเพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับตนเรื่องการโอนหุ้น เนื่องจากตนได้ทำหนังสือสอบถามไปนานแล้วก็ยังไม่มีการตอบกลับมา คราวนี้จึงทำหนังสือทวงถามมาเป็นครั้งที่ 2 เพราะว่าตนยังไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาในรายละเอียด

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ก็มีกรณีในขณะที่ตนเดินทางมามอบตัวสู้คดีแล้ว เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านพักของบุตรสาวตนที่ย่านรามอินทราเกี่ยวกับเรื่องการตั้งพรรคการเมืองโดยไม่มีหมายค้นนั้น ขณะนี้ตนได้ตรวจสอบคำสั่งของทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งทาง คสช.มีการแถลงแล้วว่าได้ใช้มาตรา 44 รวม 27 ครั้ง ตนตรวจสอบแล้วไม่มีเรื่องที่สั่งให้ไปค้นที่บ้านบุตรสาวตน คงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาดำเนินคดีฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนจะต้องแจ้งความร้องทุกข์หรือไม่นั้นภายในสัปดาห์คงจะมีความชัดเจน

พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมงว่า ทางพนักงานสอบสวนได้อธิบายรายละเอียดให้ในบางส่วนของข้อกล่าวหาที่ตนได้ยื่นหนังสือสอบถาม แต่เป็นเพียงการพูดคุยเท่านั้นซึ่งจากการพูดคุยยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควรยังมีบางประเด็นที่ตนสงสัย ทั้งนี้ได้แจ้งกับทางพนักงานสอบสวนแล้วว่าต้องการให้ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรขอเป็นเอกสารแต่ไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่จะทำให้ตนได้หรือไม่

"ในส่วนการแจ้งข้อกล่าวหานั้นผมไม่ยอมรับอยู่แล้ว โดยหลังจากนี้ตนเตรียมร้องเรียนกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิด พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทุกนายที่ทำการเข้าตรวจค้นบ้านของลูกสาวย่านรามอินทราในวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา" พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว

พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ทราบว่ามีหมายเรียกตนเพื่อให้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม วันนี้มาแจ้งความพอดีจึงถือโอกาสเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในส่วนที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการ ส่วนการออกหมายเรียกรถยนต์คันดังกล่าวนั้น ก็ไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่เรียกมาเพื่ออะไร ในเมื่อทางกองพิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจสอบไปมากกว่า 10 ครั้งแล้ว ซึ่งหากพบว่าตนกระทำความผิด
ทาง สน.อุดมสุขและบช.น. คงจะจับตนไปแล้ว แต่หากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตนก็พร้อมที่จะนำมาให้หลังซ่อมเสร็จ อย่างไรก็ตามหากทางเจ้าหน้าที่ยืนกรานที่จะนำรถของตนมาจำลองเหตุการณ์นั้นตนคงให้ไม่ได้ ซึ่งหากรถเกิดความเสียหายอีกใครจะรับผิดชอบ และก็จะขอดูการจำลองเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน

พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวด้วยว่า ในส่วนการโอนคดีนั้น ตนได้สอบถามทางวาจาผ่านทาง พล.ต.อ.สมยศพุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.ไปหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งคงต้องทำหนังสือ ไปสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ(สขร.)เพื่อขอดูว่ามีการโอนสำนวนคดีอย่างถูกต้องหรือไม่








กำลังโหลดความคิดเห็น