xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ส.บุกจับเครือข่าย พ.ท.ยี่เซ ยึดยาบ้าได้กว่าล้านเม็ด เอเยนต์ไหวตัวทันจับได้เพียงพี่ชาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ป.ป.ส.นำกำลังค้นร้านเครื่องเสียงรถยนต์ย่านบางแค หวังจับเอเยนต์รายใหญ่เครือข่าย พ.ท.ยี่เซ แต่ไหวตัวทันหนีไปได้พบเพียงพี่ชาย จนท.จึงยึดยาบ้ากว่าล้านเม็ด ก่อนตรวจสอบว่าเชื่อมโยงหรือไม่ พร้อมแถลงคดียาเสพติดอีก 7 รายรวด

วันนี้ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 07.30 น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ปส. พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. นำกำลังเข้าตรวจค้นร้านจงเจริญคาร์ออโต้ ร้านแต่งเครื่องเสียงรถยนต์ เลขที่ 142 หมู่บ้านสุขสันต์ 6 ซอยกาญจนาภิเษก 5/1 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. เพื่อจับกุมนายอภิวัฒน์ เครือแก้ว พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ย่านบางแค และผู้ต้องหารายสำคัญที่สืบทราบว่าเป็นคนกลางกระจายยาเสพติดให้ผู้ใช้แรงงานในย่านพระราม 2 แต่ปรากฏว่าไม่เจอตัว พบเพียงนายศุภธัช เครือแก้ว พี่ชายเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการยึดทรัพย์สินไว้ทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ

โดย พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายศุภธัช พ่อค้ายาบ้าได้รายหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี จำนวนกว่าล้านเม็ด ก่อนจะให้การซัดทอดว่ารับยาบ้ามาจากนายอภิวัฒน์ เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดปทุมธานี เป็นเครือข่าย พ.ท.ยี่เซ พร้อมยึดทรัพย์สินรถยนต์ 1 คัน จักรยานยนต์ 6 คัน ชุดเครื่องเสียงและเอกสารการทำธุรกรรมทางการเงินหลายรายการ อาวุธปืนขนาด 9 มม.1 กระบอก ปืนบีบีกัน 5 กระบอก หากทรัพย์สินที่ตรวจยึดในวันนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาบ้าก็สามารถนำหลักฐานมายืนยันได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับจุดนี้เป็น 1 ใน 19 เป้าหมายจากทั้งหมดจำนวน 25 จุด ตามนโยบายของรัฐบาลในปิดล้อมการขุดรากถอนโคนผู้จำหน่ายยาบ้าและยาไอซ์รายสำคัญ ต่อชุมชนใน กทม.และทั่วประเทศ ครั้งที่ 2

เบื้องต้น นายศุภธัช พี่ชายของนายอภิวัฒน์ให้การปฏิเสธ พร้อมบอกว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของน้องชาย และตนเองไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงอายัดทรัพย์สินไว้ทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ ส่วนนายอภิวัฒน์ซึ่งยังหลบหนีการจับกุมนั้น เจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.เรวัชกล่าวว่า การปิดล้อมตรวจค้นตามนโยบายขุดรากถอนโคน ครั้งที่ 2 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจค้นทั่วประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อสืบสวนเส้นทางการเงินจากผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ขณะที่พฤติกรรมของขบวนการยาเสพติดเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นบริเวณภาคเหนือ กลุ่มขบวนการยาเสพติดก็จะมีเส้นทางหลบหนีออกไปยังประเทศลาว ผ่านแม่น้ำโขง และหลีกเลี่ยงหลบหนีเข้ามายัง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และปรับเปลี่ยนเส้นทางต่อไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายเก่า แต่จะใช้เด็กรุ่นใหม่เข้ามาปฏิบัติการแทน เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ปฏิบัติการได้ ก็สามรถสืบสวนไปสู่ตัวการใหญ่ได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการขนส่งยาเสพติดแบบลอจิสติกส์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมความพร้อมโดยใช้เครื่องเอกซเรย์มาสแกนตรวจค้นสิ่งผิดปกติ เพื่อเฝ้าระวังไม่ได้ยาเหล่านี้แพร่ระบาดออกไป อย่างไรก็ตาม จากการประเมินผลในครั้งนี้พบว่ามีการยึดทรัพย์สินและของกลางจำนวนมากมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลา 1 เดือน ถือว่าผลการปฏิบัติงานในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ

ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส.พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.เพชรรัตน์ แสงชัย รอง ผบช.จเรตำรวจ ช่วยราชการ บช.ปส. พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส. พ.ต.อ.วรวิทย์ ไวถนอมสัตว์ รอง ผบก.ปส.1 (หน.สนง.ผบช.ปส.) พ.ต.อ.ชัยโรจน์ ชัยยะ รอง ผบก.ปส.2 (โฆษก บช.ปส.) ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 13 ราย ยาบ้า จำนวน 1,013,828 เม็ด ไอซ์ หนักประมาณ 50 กรัม โคเคนหนักประมาณ 5.2 กิโลกรัม และมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมดประมาณ 200 ล้านบาท

คดีแรก โดยเมื่อวันที่ 10-11 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปช.ปส.และสำนักงาน ป.ป.ส.ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นคดียาเสพติดรายรายสำคัญ โดยกำหนดเป้าหมายการตรวจค้น 7 เป้าเหมาย 10 จุด ในเขตพื้นที่จังหวัดสระบุรี จำนวน 1 จุด จังหวัดนครพนม จำนวน 1 จุด จังหวัดกระบี่ จำนวน 1 จุด และจังหวัดสงขลา จำนวน 7 จุด สามารถจับกุม นายซอลหลี ขุนเศษเกื้อ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 182/2558 ลงวันที่ 28 ส.ค. 58 และนายเอกชัย เพ็ชรดวง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 181/2558 ลงวันที่ 28 ส.ค. 58 พร้อมทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท ในข้อหาสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำความผิดเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน

พล.ต.ท.เรวัชกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้วางแผนร่วมกันจับกุมตัวนายปัญยา ตุปันนา กับพวกรวม 3 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 102,000 เม็ด และไอซ์หนักประมาณ 19 กิโลกรัม และของกลางรายการอื่นๆ โดยกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในคอรบอครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ

คดีที่ 2 สามารถจับกุมนายอะเล แซ่ยี่ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 5 ตำบลบ้านช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และนายศิริชัย แซ่จ๋าว อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 5 ตำบลบ้านช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 540,000 เม็ด รถยนต์บรรทุก จำนวน 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้บริเวณสถานีบริการน้ำมัน หจก.จ.ชัญญาออยส์ (บางจาก) เลขที่ 36 หมู่ 4 บ้านหนองโค้ง ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนส่งยาบ้ามาจากชายแดนไทย-พม่า ผ่านทางห้วยน้ำ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อมาส่งในจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบกับการใช้ระบบฐานข้อมูลและระบบเทคโนโลยีของกองบังคับการฯ สกัดกั้นลำเลียงยาเสพติด จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปซุ่มอยู่บริเวณก่อนถึงแยกบายพาส ปาย-แม่มาลัย อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 540,000 เม็ด ซุกซ่อนภายในกระบะ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ปช.ปส.

คดีที่ 3 จับกุมนายอุดม โคตถา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 601 หมู่ 19 ตำบลเมืองเดช อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี และนายอาทิตย์ โคตถา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 4 ตำบลโพนงาม อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 402,000 เม็ด รถยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง สร้อยคอลักษณะคล้ายทองคำ 2 เส้น จับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ถนนเพชรเกษม (ชุมพร-กทม.) หมู่ 2 ตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.30 น. โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดยาบ้าจากทางไปรณีย์ได้จำนวน 11,828 เม็ด

คดีที่ 4 จับกุมนายจีรศักดิ์ พรมทัน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 145/2558 ลงวันที่ 20 ก.ค. 58 เครือข่ายนายพนมพร การเก่ง ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 389,000 เม็ด ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน

คดีที่ 5 สามารถจับกุมนายท่อป๋อ แสงสว่าง หรือ ป๋อ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 11 ตำบลเชียงทอง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 60,000 เม็ด กระเป๋าหนังสีขาวลายจุด 1 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, คดีที่ 6 สามารถจับกุม นางวรรณา ทรัพย์เจริญ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลจที่ 87 หมู่ 7 ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ด กล่องพัสดุไปรษณีย์ไทย ขนาด 20x30x11 เซนติเมตร สีขาว-แดง จำนวน 1 กล่อง และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ในข้อหาร่วมกันพวกที่หลบหนี พยายามมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีที่ 7 จับกุม น.ส.มนต์นรินทร์ คงรัตนะบดี หรือแน็ต อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/30 ซอยเคหะร่มเกล้า 1/2 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. และนายนราวุธ ศรีแกวิน หรือเบียร์ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 1 ตำบลโนนศิลาเลิง อำเภอฆองชัย จังหวัดกาฬสิทธุ์ พร้อมของกลางยาไอซ์ หนักประมาณ 34.5 กรัม จักรยานยนต์ 1 คัน บัญชีธนาคาร 1 เล่ม และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีที่ 8 สามารถจับกุมนายโฮเซ อัลเบอร์โต มาติเนส โซโต (MR.JOSE ALBERTO MARTINEZ SOTO) อายุ 45 ปี สัญชาติโบลิเวีย พร้อมด้วยของกลางโคเคน หนักประมาณ 5.2 กิโลกรัม ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายฯ และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ สามารถตรวจยึดรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการขุดรากถอนโคน ขบวนการผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมทั้งมีการจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายยาเสพติด ยึดของกลาง และทรัพย์สินหลายรายการ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยยังคงดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หมู่บ้านสัมมากร ถนนรามคำแหง กทม. จำนวน 2.7 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 21 กิโลกรัม และรถบรรทุกหกล้อจำนวน 2 คันซึ่งภายในบรรจุยาบ้าจากจังหวัดเชียงราย เพื่อมาส่งยัง กทม. ทางเจ้าหน้าที่จึงนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น