กองปราบแถลงจับกุมทีมสังหาร “สมยศ สุธางค์กูร” เพิ่มอีกหนึ่ง เป็นคนขี่ จยย. พามือปืนดักรอเสี่ยคาเฟ่หลังร้านเฮงหูฉลาม ก่อนลั่นไกยิง 4 นัด จนเหยื่อแน่นิ่ง แล้วพาขึ้น จยย. หลบหนี สารภาพรับว่าจ้างจาก “อาจารย์ชม” ได้ค่าจ้าง 1 แสนบาท
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรพัฒน์ ธารีไทย รอง ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตสภากุล สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ท.พัฒพงษ์ ศรีพิณเพราะ สว.กก.1 บก.ป. ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายจิระพันธ์ หรือ หนู หนูเทียน อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ 373/2558 ลงวันที่ 8 กันยายน 2558 ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยมีและใช้อาวุธปืน และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” สามารถจับกุมได้ที่ หมู่บ้านเอื้ออาทร ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พ.ต.อ.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ร่วมก่อเหตุสังหารนายสมยศ สุธางค์กูร เจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ได้แล้ว จำนวน 4 ราย ประกอบไปด้วย นายภานุพงษ์ หรือ แจ้ รัสนา มือปืน นายกฤษฎา หรือ นก ใจเอม ผู้จัดหามือปืน นายชม ไชยณรงค์ ผู้รับงาน และ นายมนตรี เจริญรัตน์ ผู้จัดหารถ จยย. และอาวุธปืน โดยภายหลังการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ เจ้าหน้าที่จึงทำการสอบสวนก่อนขยายผลจนทราบว่าผู้ที่ทำหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ในวันเกิดเหตุ คือ นายจิรพันธ์ กระทั่งสืบสวนจนสามมารถจับกุมได้ขณะผู้ต้องหาไปกบดานที่หมู่บ้านเอื้ออาทร ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
จากการสอบสวนนายจิรพันธ์ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากนายชม ไชยณรงค์ หรือ อาจารย์ชม ให้เป็นผู้ขับขี่รถ จยย. ให้กับ นายภาณุพงษ์ รัสนา หรือ นายแจ้ (มือปืน) ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุได้นัดพบกันที่การกีฬาแห่งประเทศไทย และสำรวจสถานที่ก่อเหตุ ที่ร้านเฮงหูฉลามก่อนเกิดเหตุ 1 วัน เมื่อถึงเวลานัดหมายตน และนายภาณุพงษ์ ได้ขับขี่รถ จยย. ไปดักรอผู้เสียชีวิตที่หลังร้านเฮงหูฉลาม เมื่อสบโอกาสนายแจ้ได้ใช้อาวุธปืนยิงนายสมยศ จำนวน 4 นัด จนเสียชีวิต จากนั้นจึงขับรถหนี โดยใช้เส้นทางถนนพัฒนาการและลงอุโมงค์มุ่งหน้าไปยังถนนรามคำแหง 24 จากนั้นทิ้งรถไว้ริมทาง แล้วนั่งรถ จยย. รับจ้างหลบหนีมุ่งหน้าแยกกรุงเทพกรีฑา โดยที่นายภาณุพงษ์หลบหนีไปทางบริเวณประตู 4 การกีฬาแห่งประเทศไทย ส่วนตนลงรถ จยย. รับจ้างบริเวณถนนหัวหมาก ก่อนจะนั่งรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่ อ.ชะอำ อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อน และไม่ทราบมาก่อนว่าผู้ตาย คือ นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ย่านพระราม 9 โดยได้ค่าจ้างจำนวน 1 แสนบาท และจ่ายก่อนทำงาน 5 หมื่นบาท ซึ่งหลังจากเสร็จงานได้เงินอีก 5 หมื่นบาท
ด้าน พ.ต.อ.สุทิน กล่าวว่า สำหรับคดีสังหารนายสมยศ แนวทางการสืบสวน พบว่า ในระดับผู้ปฏิบัติการที่ก่อเหตุมีเพียง 5 ราย และยังเหลือผู้ที่อยู่เหนือกว่านี้คือผู้จ้างวาน และผู้บงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อจับกุม ในส่วนประเด็นสังหารนั้นยังคงเป็นเรืองความขัดแย้งเรื่องเดิมที่เคยนำเสนอข่าวไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา นายนายจิระพันธ์ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยมีและใช้อาวุธปืน และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป