xs
xsm
sm
md
lg

“สมยศ” หวัง “บิ๊กตู่” ล้างทุจริต ตม. รับตำรวจด้วยกันแก้ปัญหาไม่คืบ แฉมือบึ้มจ่าย 600 ดอลล์ แลกผ่านด่าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.
ผบ.ตร.เผยรายงานพฤติกรรม ตม.ถึงนายกฯ เพื่อแก้ปัญหาภาพรวม ไม่เจาะจงใคร เหตุที่ยื่นนายกฯ เพราะมีหน่วยงานมีประสิทธิภาพมากกว่า ถ้าให้ ตร.ด้วยกันแก้ พอจะเดาออกว่าผลจะออกมาอย่างไร ยอมรับช่วงเป็น ผบ.ตร.ยังแก้ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นเด็กเส้น เคยเรียกไปเตือน แต่ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ระบุผู้ต้องหาคดีระเบิดให้การ จ่าย ตม.ไทย 600 ดอลลาร์ แลกผ่านด่าน

วันนี้ (10 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมว่า ตนได้มีการลงนามในหนังสือเรียบร้อยแล้วเพื่อรายงานพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้ว เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา เพื่อจะกำหนดวิธีการหรือหารือในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยแก้ปัญหาในภาพรวมไม่ได้เจาะจงบุคคลใด สำหรับเนื้อหาในเอกสารได้เรียนนายกฯ ว่าจากที่ได้รับการร้องเรียนมาจากประชาชน ชาวต่างชาติ นักธุรกิจ บริษัทท่องเที่ยวที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือต้องไปใช้บริการของเจ้าหน้าที่ ตม.ว่าได้รับผลกระทบ ถูกเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับความรวดเร็วในการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย รวมถึงการทำธุรกรรมเพื่อขออนุญาตอยู่ในประเทศไทยต่อ เพราะมีเหตุจำเป็นด้วย

“ผมไม่ได้เหมารวมเจ้าหน้าที่ ตม.ทั้งหมด แต่มีบางกลุ่มที่เห็นช่องทางในการเรียกรับผลประโยชน์ โดยการมีการให้บริการผ่านตัวแทนของตำรวจ ตม.เหล่านั้นส่วนคนที่ไม่ได้ใช้บริการของเจ้าหน้าที่ ตม.ก็ให้บริการล่าช้า ได้รับร้องเรียนมาเยอะมาก อย่างไรก็ตามบุคคลที่โดนเอาเปรียบเรียกรับผลประโยชน์ก็ไม่กล้ามาร้องเรียนออกสื่อเพราะเกรงจะได้รับผลกระทบต่อธุรกิจหรืออันตราย จึงเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ ตม.หาประโยชน์ได้ มันจึงเป็นการสมยอมหรือเจือสม กลายเป็นเรื่องของส่วยและสินบน ซึ่งมีความผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ เพราะฉะนั้นวิธีการแก้ปัญหาเรื่องส่วยเรื่องสินบน ผมพูดมาตลอดว่าโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องโทษประชาชนที่ต้องการความได้เปรียบทางธุรกิจด้วย เรื่องแบบนี้มันจึงเกิดขึ้น ต้องแก้ทั้ง 2 ฝ่าย ผู้ให้ต้องไม่ให้ ผู้รับต้องไม่รับ หากยังกระทำอยู่ต้องลงโทษทั้งสองฝ่ายถึงจะสะใจ วงจรอุบาทว์เรื่องส่วยและสินบนจะได้หมดไปจากประเทศไทยเสียที” ผบ.ตร.ระบุ

พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า จากนี้คงต้องฝากให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนต่อไปช่วยดูแลและแก้ปัญหาให้ถูกจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายผู้นำรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม ลงมาร่วมกันแก้ปัญหา ตนเชื่อว่าสังคมไทยไม่เห็นดีเห็นงามกับเรื่องส่วย สินบนเหล่านี้ เมื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดสิ่งเหล่านี้จะหมดไป ส่วนที่มองว่าตนเป็น ผบ.ตร.และมีปัญหาเหล่านี้ในหน่วยงานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทำไมถึงแก้ปัญหาไม่ได้หรือ อย่างที่รู้กันว่าใน สตม.ส่วนใหญ่เป็นพวกมีเส้นมีสาย มีการแต่งตั้งผู้ใต้บังคับบัญชาขึ้นมาดำรงตำแหน่งต่างๆ และรู้ว่า ตม.เป็นแหล่งผลประโยชน์ ผู้ใต้บังคับบัญชามีการรับผลประโยชน์และมาส่งให้ผู้บังคับบัญชาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนกล้าตีแผ่เรื่องเหล่านี้เพราะมีความมั่นใจว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าตนไม่เคยมีผลประโยชน์ไม่ว่ากรณีใดๆ กับผู้ใต้บังคับบัญชา แม้ว่าในช่วงหนึ่งตนเคยรับราชการอยู่ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตนรู้เบาะแสเรื่องเหล่านี้ด้วย และตนได้ประกาศว่าจะไม่รับผลประโยชน์ใดๆ ขณะนั้นตนไม่มีอำนาจ ทำได้เพียงทำตนเองให้สะอาดเท่านั้น และกล้าพูดว่าตนเป็นรอง ผบช.สตม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.คนเดียวที่ขอย้ายตัวเองออกมาจาก สตม.โดยสลับตำแหน่งกับ พล.ต.ต.ขรรค์ชัย อนันตสมบูรณ์ มีการทำบันทึกขอสลับตัวอย่างถูกต้อง ที่สลับตำแหน่งก็เพื่อเรียกความน่าเชื่อถือให้ตนเองว่าตนไม่เคยเรียบรับผลประโยชน์ จึงต้องออกมาจากตรงนั้น

พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อไปว่า ส่วนความคาดหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำประเทศจะดำเนินการให้แล้วเสร็จทันก่อนตนจะเกษียณนั้น ตนทำเท่าที่ทำได้ วันนี้ตนเปิดเผยความชั่วร้ายทุกสิ่งอย่างในสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และคิดว่าตนมีเวลาน้อย ก็ได้บอกสื่อ บอก พล.ต.อ.จักรทิพย์ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าตนเปิดประเด็นไว้ ช่วยแก้ปัญหาหน่อย หากตนยังไม่ปลดเกษียณมั่นใจว่าตนแก้ได้ ส่วนสังคมจะมองว่าในฐานะที่ตนเป็นเบอร์ 1 แล้วออกมาเปิดเผยเรื่องเหล่านี้เป็นการทุบหม้อข้าวของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่นั้น

“หากประชาชนไม่ชอบที่ผมออกมาเปิดเผยพรุ่งนี้ผมจะหยุด ถ้าสังคมคิดแบบนั้น คนส่วนหนึ่งมองว่าไม่ควรเอาเรื่องในบ้านมาเปิดเผย แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไม่ดี ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย การแต่งตั้งโยกย้ายในวาระหน้าต้องจับตาดูผู้บังคับบัญชาที่ชอบแต่งตั้งลูกน้องตนเองเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้วตีแผ่ให้ได้ ที่ออกมาเปิดเผยไม่เคยกังวลไม่เคยกลัว ไม่เคยสนใจว่าใครจะโกรธจะชังตน หากกลัวก็อย่ามาเป็นตำรวจ อย่ามาเป็น ผบ.ตร. หากใครไม่ทำผมขอกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการับผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามผมเคยเรียกบุคคลเหล่านี้มาตักเตือนแล้ว แต่ไม่พบความเปลี่ยนแปลง และยังออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยมีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นด้วย ผมกล้าพูดว่าสาเหตุที่ผู้บังคับบัญชาไม่กล้าแต่งตั้งโยกย้ายผู้ใต้บังคับบัญชาเพราะมีผลประโยชน์ร่วม ยอดเงินที่เจ้าหน้าที่ ตม.ได้รับตนไม่ทราบ เขาคงไม่บอก ต้องไปคำนวณกันเอาเอง” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ก่อคดีความรุนแรงได้ให้เงินแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 5 ครั้ง ทราบยอดเงินหรือไม่ และให้ตำแหน่งไหนบ้าง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เท่าที่ตนได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัย พบว่าเดินทางเข้าออกชายแดนไทย 4-5 ครั้ง เดินทางจากเวียดนามก็ได้จ่ายค่ารถรายทางมาตลอดทาง สุดท้ายมาจ่ายที่ชายแดนไทยให้แก่ตำรวจ ตม. จำนวน 600 ดอลลาร์สหรัฐ ตนไม่รู้ว่าทุกครั้งจะเรียกเท่ากันหรือไม่ ขั้นตอนของการซิกแซกของ ตม.มี 6 ข้อ ทั้งเปลี่ยนจากวีซ่าท่องเที่ยวเป็นวีซ่านักศึกษาหาที่เรียนให้ด้วย เจ้าหน้าที่ ตม.บางคนให้ญาติไปเปิดโรงเรียนสอนภาษา และชาวต่างชาติที่อยากอยู่ต่อให้ไปสมัครเป็นนักศึกษาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ มีทุกรูปแบบ คนที่จะมาอยู่หลังเกษียณไม่มีเงินฝาก คนเหล่านี้ก็จัดการฝากเงินให้จำนวน 800,000 บาท และถอนทันทีแต่ตัวเลขเงินก็ยังอยู่ในสมุดบัญชี ตนบอกให้มีการแก้ไขตลอดเวลา

เมื่อถามว่าจะขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้มาตรา 44 จัดการหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า อย่าให้ท่านใช้อำนาจโดยที่รู้สึกไม่ดีเลย และท่านสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบแล้ว ส่วนที่ทำหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ตนไว้ใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตรวจสอบมากกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันเพราะพอจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปัญหาที่เรื้อรังมานานเกรงว่าจะไม่ได้รับการแก้ไขหรือไม่นั้น ต้องให้สื่อช่วยกันถามด้วย เมื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นมาก็ถามบ่อยๆ ส่วนก่อนจะเกษียณจะมีการสั่งย้ายใครหรือไม่ ยังไม่ถึงขนาดนั้นเพราะการจะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐานการดำเนินการเป็นขั้นตอน ขั้นตอนที่ตนมีอำนาจคือส่งให้ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ หัวหน้าจเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้รายงานมาในวันที่ 23 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้รวมเรื่องของ ตม.สระแก้ว และคดีโรฮีนจาทั้งหมด และรอดูว่าจะตรวจสอบว่าพบความผิดหรือไม่

ถามว่าจะมีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ ตม.ที่มีปัญหาออกนอกหน่วยหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า การดำเนินการเจ้าหน้าที่ ตม.ที่มีปัญหา กำลังดำเนินการอยู่ สำหรับกลุ่มเจ้าหน้าที่ ตม.ที่ถูกสั่งมาช่วยราชการทั้งหมด จะมีการโยกย้ายแน่นอนคาดว่าเร็ว ๆ นี้

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับเรื่องโรฮีนจา เจรตำรวจได้มีการตรวจสอบและได้สั่งได้ยุติไปหลายเรื่อง แต่ตนได้รายงาน พล.อ.ประยุทธ์แล้วว่าส่งผลกระทบในเรื่องเทียร์ 3 ไอยูยู ต่างชาติมองดูอยู่ ตำหนิประเทศไทยว่ากฎหมายไม่แข็งแรง เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เคยถูกดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น คนที่มาวิ่งเต้นให้ส่งกลับไปยังหน่วยงานเดิมหลังจากโดนย้ายมาช่วยราชการ ตนไม่ทำแต่กำลังจะมีคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่ เพราะต่างชาติมองอยู่ว่าไทยหน้าไหว้หลังหลอก รัฐบาลที่ผ่านมาอยากทำแต่ทำไม่ได้เพราะเป็นฐานเสียงเลือกตั้ง
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น