ASTV ผู้จัดการ - ตร.จราจรที่ปรากฏคลิปวิดีโอ ยึดรถผู้ขับขี่ จยย.ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่แจงเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า ตร.มีหน้าที่ควบคุมรถไว้เพื่อให้ผู้กระทำผิดไปชำระค่าปรับก่อน แถมช่วยออกค่าปรับให้อีก 200 บาท และไม่ได้ท้าตีท้าต่อยด้วย
จากกรณีที่มีการแชร์คลิปวิดีโอบนโลกออนไลน์ โดยผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ป๋าเทียร์ ประเทศไทย” เป็นผู้โพสต์ ในคลิปวิดีโอดังกล่าว เผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขน-ยึดจักรยานยนต์ของเจ้าของคลิป นอกจากนี้ เจ้าของรถยังระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่เรียกขอตรวจใบขับขี่ซึ่งตนไม่มีและก็ยอมให้ยึดรถแล้ว ทำไมต้องมากระชากแขนและท้าต่อยด้วย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีรายงานว่า พ.ต.ท.พัทธนนท์ เกียรติไพบูลย์ สว.งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร. นายตำรวจที่ปรากฏอยู่ในคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเดินทางเข้าชี้แจงละเอียดด้วยวาจาถึงเหตุการณ์ดังกล่าวต่อ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ขณะที่ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ในฐานะโฆษก บช.น.เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นคลิปเป็นข่าวขึ้นมา ทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ย้ำมาว่าเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอ้างว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกันประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางผู้บังคับบัญชาก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของ พ.ต.ท.พัทธนนท์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าการปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องหรือไม่ มีอะไรที่ไปล่วงเกินหรือว่าไปละเมิดสิทธิของพี่น้องประชาชนหรือไม่ ถ้ามีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดก็ต้องดำเนินการลงโทษทางวินัย แต่หากการกระทำของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของข้อกฎหมาย แล้วผู้ที่ถ่ายคลิปนำไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดความเสียหายก็เป็นสิทธิของเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการตามสิทธิ ส่วนจะมีการแจ้งความกลับในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ ในส่วนนี้คงว่ากันอีกที
ด้าน พ.ต.ท.พัทธนนท์กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 58 เวลาประมาณ 09.30 น. ที่บริเวณนิคมมักกะสัน ในวันนั้นตนได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือหรือสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในพื้นที่ในช่วงเช้าและช่วงเย็น โดยตนประจำจุดนิคมอุตสาหกรรม ถ.เพชรบุรี ตามนโยบายของ ตร.ที่ให้กวดขันจับกุมผู้กระทำผิดที่ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ขอเรียนตรงๆ ว่าให้ตนไปเรียกขอตรวจดูใบอนุญาตขับขี่กับรถทุกคันคงทำไม่ได้ เพราะจะทำให้การจราจรติดขัด แต่สามารถจับกุมได้คือบุคคลซึ่งพบเห็นว่ากระทำความผิดซึ่งหน้า ในกรณีนี้ผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกกันน็อก ลูกน้องตนได้ขอดูใบขับขี่ก็ได้รับคำตอบว่าอยู่ที่ค่ายทหาร จากนั้นตนได้ไปดูการจราจรในจุดอื่นก่อนจะกลับมายังจุดดังกล่าวก็พบผู้ขับขี่คนดังกล่าวทราบชื่อภายหลังนายกานต์พงศ์ สราญจิตร กับพ่อ โดยพยายามจะขอนำรถกลับพร้อมกับอ้างว่าเป็นเจ้าของรถ ซึ่งตนบอกไม่ได้ เพราะว่าคนกระทำความผิดกับเจ้าของรถเป็นคนละส่วนกัน ให้ผู้ขับขี่ไปเสียค่าปรับก่อนจึงจะนำหลักฐานมาแสดงพร้อมกับนำรถกลับได้ ตลอดเวลานายกานต์พงศ์ได้พูดจาท้าทายตนพร้อมกับถ่ายคลิปไว้ โดยหลังจากนั้นนายกานต์พงศ์ได้เดินทางไปจ่ายค่าปรับที่ สน.พญาไท ตอนเสียค่าปรับเจ้าตัวเงินไม่พอ ค่าปรับ 500 บาท แต่เจ้าตัวมี 300 บาท ตนยังช่วยออกให้อีก 200 บาท ตนปรับตอน 14.30 น. เขาลงคลิปตอน 14.30 น. ตนมองว่าสิ่งที่เขาทำน่าจะเพื่อความสะใจ
พ.ต.ท.พัทธนนท์กล่าวอีกว่า กรณีนี้ผู้ขับขี่ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่ อ้างว่าโดนใบสั่งซึ่งสอบถามพบว่าเลย 7 วันแล้ว ตามกฎหมายแล้วต้องชำระค่าปรับภายใน 7 วันก็จะเป็นโทษไม่มาชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่หลังจากพูดคุยกันได้ลงโทษปรับในข้อหาเดียว คือ ไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่ โทษปรับ 500 บาท ส่วนที่มีการยกจักรยานยนต์ขึ้นรถเจ้าหน้าที่ เนื่องจากกฎหมายระบุว่าหากบุคคลใดขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการควบคุมรถไว้ ใช้คำว่าควบคุมไม่ได้เป็นการยึดรถ เพื่อให้มาชำระค่าปรับและให้บุคคลที่มีใบอนุญาตขับขี่หรือเจ้าของรถมารับรถภายใน 8 ชั่วโมง ถ้าหลังจาก 8 ชั่วโมงแล้วไม่มีผู้ใดมาแสดงตนหรือเสียค่าปรับก็จะทำบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวนพื้นที่สน.ที่ถูกจับกุม เช่นกรณีนี้เป็นของ สน.พญาไท