xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องหลังพิชิตคดี “ระเบิดราชประสงค์” สืบจาก “ฝักแคสีชมพู” โยงก่อการร้ายใต้?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดาผบก.สส.บช.น.
เผยเบื้องหลังความสำเร็จบุกถึงรังมือระเบิด ยกเครดิตให้ “สมบัติ มิลินทจินดา” ยอดนักสืบนครบาล แกะปมจากฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู โยงคดีสมานเมตตาแมนชั่น ยันไปถึงเจาะไอร้อง บันนังสตา เหตุการณ์ก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไล่เบอร์โทร.กว่า 3 หมื่น-เจอแจ็กพอตพบการเคลื่อนไหวติดต่อกันหลังระเบิดกว่า 30 ครั้ง ไล่พิกัดจนพบรังโจรที่หนองจอก

เหตุการณ์ระเบิดบริเวณลานบรวงสรวงท่านท้าวมหาพรหม ใกล้สี่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 17 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 20 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน สร้างความสะเทือนขวัญแก่คนไทยและชาวโลกเป็นอย่างยิ่ง หลังเกิดเหตุบรรดาอาสาสมัคร หน่วยแพทย์ฉุกเฉินต่างช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่มีการลำเลียงส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่ว กทม.กว่า 10 แห่ง นับเป็นค่ำคืนแห่งความสับสนอลหม่าน พร้อมๆ กับความน่าสะพรึงกลัวและสลดหดหู่ต่อความสูญเสียของผู้บริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง

ขณะเดียวกัน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัคเดช พิมลศรี ผบก.ป. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. รีบเดินทางไปอำนวยการยังพื้นที่เกิดเหตุทันทีซึ่งในการรวบรวมหลักฐานต่างๆ พบลุกบอลแบริ่ง หรือลูกปืนสเตนเลสขนาด 0.5 ซม. สะเก็ดโลหะ ซากกระเป๋าเป้ และฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู

ปฏิบัติการล่ามือระเบิดเริ่มจากวินาทีนั้น... โดยตลอดทั้งคืนมีการระดมฝ่ายสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และสันติบาล ออกหาเบาะแสของชายสวมเสื้อยืดสีเหลือง รูปร่างสูง ลักษณะคล้ายแขกขาว อายุระหว่าง 25-30 ปี ตามที่ปรากฏในกล้อง CCTV แต่ยังไม่ได้ผลอะไรเป็นที่น่าพอใจนัก ขณะเดียวกัน ฝ่ายเก็บรักษาวัตถุพยานจากแผนกเก็บกู้วัตถุระเบิด กองพลาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ทุกนายกว่าร้อยคนปูพรมเก็บหลักฐานทุกชนิดจนสว่างคาตา ก่อนมอบพื้นที่คืนให้แก่กรุงเทพมหานครเร่งทำความสะอาดเพื่อให้สภาพบ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

บ่ายวันที่ 18 ส.ค. หลังระเบิดลูกแรกสร้างความสูญเสียไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง คนไทยทั้งประเทศต้องพากันผวาซ้ำเมื่อเกิดเหตุระเบิดเป็นลูกที่ 2 บริเวณท่าน้ำสาทร แต่ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับอันตรายเนื่องจากระเบิดเกิดขึ้นใต้ผิวน้ำเจ้าพระยา มีเพียงเสียงดังและแรงอัดส่งให้น้ำพุ่งกระจายสูงกว่า 10 เมตร หลังจากนั้นไม่นานนักหลังจากเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกับลูกแรกที่แยกราชประสงค์

การทำงานของเจ้าหน้าที่ดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะชุดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่จับประเด็นจากของกลางที่พบในบริเวณศาลท่านท้าวมหาพรหม ของกลางที่ว่า คือ ตะกั่วลูกปืนขนาดครึ่งเซนติิเมตร หรือที่เรียกกันว่า “ลูกบอลแบริ่ง” โดยปกติแล้วไม่เคยพบว่าเคยถูกนำมาใช้ในประเทศไทยมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือกรณีสมานเมตตาแมนชั่น เมื่อปี 2553 ซึ่งในครั้งนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล มีตำแหน่งเป็น ผบช.ภ.1 เป็นผู้ควบคุมคดีนี้ก็ไม่พบว่ามีการนำลูกบอลแบริ่งมาเป็นสะเก็ดสังหาร แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ “ฝักแค” หรือ “สายจุดชนวนระเบิดสีชมพู” ซึ่งมีคุณสมบัติดีเยี่ยม ไม่ชื้น ไม่ด้าน หวังผลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และพบว่ากลุ่มคนร้ายมักใช้สร้างสถานการณ์ในจังหวัดภาคใต้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เจาะไอร้อง บันนังสตา ปัตตานี นราธิวาส สำคัญที่สุดฝักแคชนิดและสีเดียวกันนี้ยังพบจากเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นอีกด้วย

ชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.จึงเริ่มจับทางออกหาข่าวทุกชิ้นที่เกี่ยวกับขบวนการก่อการร้ายภาคใต้ ในส่วน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ได้ประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ กอ.รมน. และฝ่ายทหาร พร้อมกับตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ตามพิกัดราว 3 หมื่นหมายเลขที่มีการติดต่อกันหลังเวลา 18.55 น.ของวันที่ 17 ส.ค. 2558 หรือช่วงเวลาหลังเกิดเหตุระเบิดนั่นเอง

จาก “ฝักแคสีชมพู” อันเป็นสายจุดชนวนระเบิดที่ใช้เฉพาะมืออาชีพ และเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์ห้ามมีไว้ในครอบครองมาตั้งแต่เหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้จุดประกายทีมสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้แจ่มชัดเดินมาจนถูกทาง เมื่อผลการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ผู้เกี่ยวข้องจากหลายหมื่นเลขหมาย ลดมาเรื่อยๆ จนถึงหลักพัน หลักร้อย...

จนที่สุดได้พบกลุ่มเบอร์ “ผู้ต้องสงสัย” ที่มีการติดต่อกันหลังเหตุระเบิดกว่า 30 ครั้ง การสืบค้นอย่างเงียบเชียบไม่กระโตกกระตากแม้แต่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ก็ยังไม่ระแคะระคาย

โดยเฉพาะ “ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ถึงกับออกอาการไปไม่เป็น ให้สัมภาษณ์นักข่าวแบบหมดหนทางต้องใช้เรื่องดวง จนถึงขั้นอาจจะไปบนท่านท้าวมหาพรหมที่ศาลเอราวัณ
เช้าวันที่ 29 ส.ค.ขณะที่ข่าวคืบหน้าการลอบวางระเบิด 20 ศพ สี่แยกราชประสงค์ ยังวนเวียนอยู่ในอ่าง ทั้งประเด็นกลุ่มคนร้าย และข้อถกเถียงว่าเป็นการก่อวินาศกรรมจริงหรือไม่ อีกทางหนึ่งทีมสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลทุ่มกำลังนักสืบทั้งหมดลงหาข่าวในชุมชนมุสลิม ทั้งย่านบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี และฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร คือ ย่านมีนบุรี หนองจอกข้อมูลจากการลงพื้นที่ และจากการตรวจสอบพิกัดการใช้โทรศัพท์ เมื่อนำมาวิเคราะห์อีกครั้งก็พบว่าจุดใหญ่น่าสนใจที่สุดก็คือ ย่านมีนบุรี หนองจอก

กระทั่งนาทีทองที่เฝ้ารอก็มาถึง เมื่อมีการติดต่อทางโทรศัพท์ของกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีกครั้ง จึงทราบว่าจุดน่าสงสัยดังกล่าวก็คือ “พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์” ตั้งอยู่เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. และกำลังนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย ผสานกำลังทหารจากกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ รวมทั้งชุดเก็บกู้ระเบิด รีบเดินทางไปปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายเพื่อตรวจค้นจับกุมในทันที

ปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถควคุมตัว นายอาเด็ม คาราดัก ผู้ต้องสงสัยไว้ได้ พร้อมยึดของกลางอันเป็นยุทธภัณฑ์สำหรับผลิตระเบิดมากมาย เช่น (1. เสื้อเชิ้ตตรวจพบสารระเบิดกลุ่ม 1 คือ TNT และ C-4 (2. เสื้อละหมาด พบสารเกี่ยวกับการประกอบระเบิดกลุ่ม 3 คือ ยูเรีย 3. ลูกเหล็กบอลแบริ่ง ขนาดครึ่ง ซม.บรรจุถุงพลาสติกเป็นแพกแบน (4. ถ่านไฟฉายชนิดกลมและแบน (5. สายไฟ หัวเชื่อมโลหะ เทปพันสายไฟ (6. ไขควง กรรไกร (7. เคมีบางชนิดบรรจุถังแกลลอน จำนวน 3 ถัง (8. กล่องกระดาษบรรจุเคมีภัณฑ์โซเดียมคาร์บอร์เนต (โซดา แอช) (9. ท่อเหล็กดราฟท์เกลียว 2 ด้านหัวท้ายขนาดต่างๆ (10. ผ้าเย็บสำหรับพันรอบเอว ติดตีนตุ๊กแกแบบระเบิดพลีชีพ (11. สายชนวนฝักแคสีชมพู ยาว 8 ซม.จำนวน 10 เส้น

ผลการจับกุมครั้งนี้แม้จะมีข้อสังเกต และข้อห่วงใยบางประการ แต่พยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งความโยงใยของกลุ่มคนร้ายเมื่อเรียบเรียงลำดับขั้นตอนต่างๆ สามารถลบล้าง “ข้อสงสัยต่างๆ” แทบหมดสิ้น แต่ที่ยังค้างคาใจกันอยู่ก็คงตกลงว่าเหตุการณ์ระเบิดครั้งร้ายแรงในประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร หรือประเทศไทย นั้นเป็นฝีมือของกลุ่มการร้าย “Grey Wolves” ของตุรกีหรือไม่ แม้แนวโน้มจะส่อไปทางนั้นอีกทั้งหมายจับ น.ส.วรรณา สวนสันต์ หรือไมซาเลาะห์ อายุ 26 ปี สาวพังงา ผู้ทำสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก ซึ่งทราบต่อมาว่าแต่งงานกับชาวตุรกี และได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว โดยปัจจุบันเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิด

ไม่ว่าผลการสอบสวนจะเป็นอย่างไร นายอาเด็ม คาราดัก ผู้ต้องหาเพียงคนเดียวจะให้การเช่นไร รับสารภาพหรือฏิเสธ ความชัดเจนอย่างหนึ่งที่มองเห็นก็คือ นี่คือการก่อวินาศกรรมจากขบวนการก่อการร้าย แต่จะเป็นประเด็นความแค้นจากอุยกูร์ หรือเรื่องอื่น แม้ทางการไทยจะทราบกันอย่างดีแต่ในฐานะประชาชนผู้เสพข่าวสาร หากยังต้องการอยากทราบข้อเท็จจริงวิธีเดียวก็คือ ติดตามอย่างใกล้ชิดจากสื่อหลักทุกสื่อ สุดท้ายก็คือนำข้อมูลต่างๆ มาประมวล บางทีเบื้องหลังความสำเร็จของคดีนี้ที่มาจากฝักแคระเบิดสีชมพู อาจจะทำให้เราท่านสั่นสะท้านมากกว่าขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติเสียอีก
ฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู
กำลังโหลดความคิดเห็น