ASTVผู้จัดการ - “สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ยืนยันคดีระเบิดราชประสงค์มีความคืบหน้า ปัดชาวเติร์กอยู่เบื้องหลัง แต่ยืนยันทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันชัดเจนทั้งคนตระเตรียมการ คนดูเส้นทาง คนจัดหาระเบิด คนดำเนินการวาง คนหาที่พัก คนพาหนี งงข้อมูลในหน้าสื่อที่สำนักข่าวทั้งในและต่างประเทศนำเสนอ ชี้พยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนการสอบสวนต้องมีที่มาที่ไป
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีการวิเคราะห์ในการเสวนาสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ระบุว่าอาจมีชาวเติร์กอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ ว่าตนไม่ได้พูดเช่นนั้น ไม่ทราบข้อมูลตรงนี้ยังบอกไม่ได้ เอาเป็นว่าขณะนี้การสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้า แต่ปัญหาอุปสรรคอยู่ที่อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่เราเก็บมาไม่ค่อยมีความต่อเนื่อง เกิดจากว่ากล้องวงจรปิดไม่สามารถใช้การได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดจึงเป็นปัญหาในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนคนขับแท็กซี่มีความคืบหน้าทางการสืบสวนอย่างไรบ้างนั้น เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน ส่วนคำให้การขอไม่เปิดเผย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการแถลงว่า ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลในการนำภาพสเกตช์ของคนร้ายไปเผยแพร่ยังต่างประเทศได้รับเบาะแสรายงานกลับมาบ้างแล้วหรือยัง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ผลอย่างไรไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ อะไรที่เปิดเผยได้ก็จะบอก นั่นหมายความว่ามีความชัดเจนแล้ว มีเหตุผลที่ตอบได้ว่าเพราะอะไร มีข้อมูลสนับสนุนสิ่งที่ตนจะพูดได้แค่นั้นเอง
เมื่อถามว่าพบความเชื่อมโยงระหว่างระเบิดที่แยกราชประสงค์ และระเบิดที่ท่าน้ำสาทรหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า รูปแบบระเบิดคล้ายกัน ทำมาจากวัสดุคล้ายกัน ส่วนดินระเบิดนั้นเรายังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ และการจุดชนวนหรือการจุดระเบิดนั้นก็ยังไม่มีการยืนยัน ถ้าหลายๆ อย่างมีความคล้ายคลึงหรือเหมือนกันเราจึงจะยืนยันว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน แต่ในเบื้องต้นก็น่าจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน
“อย่างที่ผมบอกว่าจากการสืบสวนเริ่มจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่ามีการกระทำเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ มีการช่วยเหลือสนับสนุนกัน ทั้งคนตระเตรียมการ คนดูเส้นทาง คนจัดหาระเบิด คนดำเนินการวาง คนหาที่พักหรือพาหนี มีการแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจนแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยไม่ได้ ส่วนที่ท่าเรือสาทรเจตนาที่จะวางซ้ำอีกลูกหนึ่งหรือไม่นั้น ต้องรอให้จับกุมคนร้ายให้ได้ก่อน กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก็ได้มีการขีดวงแคบลงเรื่อยๆ แต่เรื่องนี้คงบอกไม่ได้ แต่ยืนยันยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งจนกว่าจะมีหลักฐานระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องใดจึงค่อยตัดประเด็นอื่นทิ้ง” ผบ.ตร.ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า อุปสรรคในเรื่องกล้องวงจรปิดจะทำให้ไม่สามารถจับคนร้ายได้ใช่หรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาเพราะไม่มีความต่อเนื่อง ไม่มีกล้องที่จะสามารถบอกอะไรได้มากกว่าที่มี ตรงนี้ก็คืออุปสรรค กล้องไม่สามารถเก็บภาพได้ชัดเจน จึงทำให้เราไม่สามารถนำภาพไปใช้กับเครื่องมือที่จะนำไปใช้กับฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หากเราได้สิ่งเรานี้และนำไปเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและการท่าอากาศยานจะสามารถบอกได้ทันทีว่าบุคคลต้องสงสัยนั้นเดินออกทางไปนอกประเทศหรือไม่ ขณะนี้ตนตอบไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานอื่นๆ มายืนยัน ส่วนภาพสเกตช์คนร้ายที่ท่าเรือสาทรจะออกเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ทั้งนี้การสเกตช์ภาพคนร้ายจะต้องมีพยานที่เห็นหน้าคนร้ายและเป็นคนมาให้การบอกเจ้าหน้าที่ภาพสเกตช์คนร้าย ที่สาทรเราอาจจะยังไม่มีประจักษ์พยานหรือคนที่เห็นตัวคนร้าย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักฐานที่ทางสื่อญี่ปุ่นได้ทำหลักฐานเกี่ยวกับเป้ที่คนร้ายใช้ขึ้นมาข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนเองยังรู้สึกงง ที่ผ่านมาได้เข้าประชุมทุกครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นหลักฐานเหล่านั้น แต่ถ้ามีหลักฐานเหล่านั้นจริงทางอีโอดีก็คงจะไปหามา หรือจะต้องถามสำนักข่าวนั้นว่าไปได้หลักฐานมาจากที่ไหนเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ เรายินดีรับฟังรับปฏิบัติ พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอแนะเหตุผลต่างๆ แต่ต้องเป็นเหตุผลที่มีหลักฐานและความชัดเจนที่สามารถตอบได้ว่าพยานหลักฐานที่ได้มานั้นได้มาอย่างไรด้วย ไม่ใช่นำไปเผยแพร่ในสื่ออย่างเดียวแต่ไม่รู้ที่มาที่ไป ตรงนี้เราก็ลำบากเหมือนกัน ทั้งนี้ก็มีกฎหมายการนำพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนการสอบสวนมันจะต้องมีที่มาที่ไปและต้องมีการมาให้ถ้อยคำด้วยว่าไปเก็บมาจากที่ไหนอย่างไร หากไม่รู้ที่มาจะกลายเป็นประเด็นการต่อสู้ทางกฎหมาย ฝ่ายจำเลยจะเอามาอ้างให้ตนหลุดจากคดีได้ และไม่สามารถนำเข้าสำนวนได้ เพราะฉะนั้นการนำเอาหลักฐานเข้าสู่สำนวนการสืบสวนสอบสวนต้องเป็นไปตาม ป.วิอาญาด้วย ส่วนการตรวจดีเอ็นเอจากธนบัตรใบละ 20 นั้น ตนยังไม่ทราบ ส่วนการตั้งเงินรางวัลค่าหัวที่ตนรับผิดชอบยังเป็น 3 ล้านบาทเช่นเดิม