โฆษก ตร.ปล่อยแถวตำรวจ-ทหาร สร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวย่านสยาม ยกเครื่องระบบรักษาความปลอดภัยห้างสรรพสินค้า เพิ่มกล้องวงจรปิด ยันคดีมีความคืบหน้า แต่ไม่ขอเปิดเผย เรียกร้องชายที่ใช้เท้าเขี่ยวัตถุลงน้ำที่ท่าเรือสาทรพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์
วันนี้ (23 ส.ค.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 และ พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถระเบิด หรือ EOD ปล่อยแถวทหาร ตำรวจ หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด สุนัขดมกลิ่น (K-9) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้างสรรพสินค้า เพื่อตรวจตราความเรียบร้อย สร้างความเชื่อมั่น และความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และพื้นที่ใกล้เคียง หลังเกิดเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า หลังเกิดเหตุระเบิดดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความกังวลด้านความปลอดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงต้องเร่งสร้างความมั่นใจคืนกลับมาให้ทุกคน เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องทำหน้าที่อย่างเข้มงวดในการตรวจบุคคลต้องสงสัย และถือโอกาสปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยภายในและบริเวณโดยรอบห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มบริเวณทางเข้าออกห้างสรรพสินค้าที่เป็นลักษณะกล้องมุมเงย เพื่อสามารถบันทึกภาพคนร้ายได้อย่างชัดเจนหากมีการหลบเลี่ยงกล้องที่ติดตามปกติ
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อไปว่า สำหรับเหตุระเบิดที่บริเวณท่าเรือสาทร กรณีภาพวงจรปิดจับภาพชายเสื้อสีน้ำเงิน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะการออกหมายจับผู้ต้องหาแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม อยากขอให้ชายดังกล่าวที่เขี่ยวัตถุต้องสงสัยลงในน้ำเข้าให้ข้อมูลหากมีความบริสุทธิ์ใจ ส่วนการสืบสวนหาบุคคลต้องสงสัยวางระเบิดราชประสงค์ที่มีกระแสข่าวว่ามีการนำพาสปอร์ตให้พยานแวดล้อมตรวจสอบนั้น ยอมรับว่ามีการนำทั้งภาพถ่ายเต็มตัว และภาพอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกับบุคคลต้องสงสัยให้พยานตรวจสอบจริงซึ่งเป็นกระบวนการทำงานตามปกติ ทั้งนี้สำหรับกรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นผู้เผยแพร่ อยากให้ระมัดระวังและรับผิดชอบการทำหน้าที่ของตัวเองหากเกิดปัญหาขึ้นมา
โฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า หลักฐานในคดีนี้ส่วนใหญ่มีเพียงภาพวงจรปิด แต่พยานในที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากแรงระเบิด อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าคดีมีความคืบหน้าแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ตำรวจทุกนายที่รับผิดชอบคดีปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ แต่ละคนแทบไม่ได้พักผ่อน