ASTV ผู้จัดการ - 191 จับยกแก๊งเรียกค่าไถ่หนุ่มใหญ่ขายส่งซิลิโคน พร้อมลูกสาววัย 12 ปี รีดเงิน 2 แสนบาทแลกการปล่อยตัว หลังได้รับเงินแยกย้ายกันหลบหนี สุดท้ายตามรวบตัวได้ยกแก๊ง
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่กองบังการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ 191 พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. พร้อมด้วยพ.ต.อ.ภานุมาศ บุญญลักษณ์ พ.ต.อ.ภีมเสน ขจรประศาสน์ รอง ผบก. พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สายตรวจ พ.ต.ต.นันทพล ทองน่วม สว.งานสายตรวจ 1 และเจ้าหน้าที่งานสายตรวจ 1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายเอกสิทธิ์ คล้ายอ่วม อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.สมุทรปราการ ที่ 168/2557 ลงวันที่ 17 มี.ค. 2557 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธปืน ใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด, มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เอาตัวเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไป และเอาตัวบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีไปโดยขู่เข็ญ โดยใช้กำลังประทุษร้ายและหน่วงเหนี่ยวกักขัง โดยสามารถจับกุมได้บริเวณหน้าร้านจีทีบาร์ ถ.จันทน์ แขวงวัดทุ่งดอน เขตสาทร กทม.
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากนางนวพันธ์ ขัติยาวงศ์ อายุ 43 ปี ว่านายเอกภาพ ขัติยาวงศ์ อายุ 49 ปี สามี อาชีพขายส่งซิลิโคน และลูกสาววัย 12 ปี ถูกกลุ่มคนร้าย 4 คนจับตัวไปเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 200,000 บาท เพื่อเป็นการแลกกับการปล่อยตัว จากนั้นเมื่อกลุ่มคนร้ายได้เงินค่าไถ่ได้ปล่อยตัวเหยื่อทั้งสองคนออกมาบริเวณถนนบางนา-ตราด โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายเด่นกล้า กล่ำสมุทร อายุ 26 ปี และนายฐิติวัฒน์ ทวีวุฒิวรานนท์ อายุ 23 ปี ซึ่งยังมีผู้ร่วมขบวนการหลบหนีไปได้ คือ นายเอกสิทธิ์ คล้ายอ่วม อายุ 33 ปี และ น.ส.อัญชลี สวนส้ม อายุ 33 ปี แฟนสาว ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊คตามโครงการ You’ll never walk alone ว่าพบนายเอกสิทธิ์อยู่ที่ย่านสาทร จึงได้ติดตามไปตรวจสอบกระทั่งพบนายเอกสิทธิ์ยืนอยู่หน้าร้านบีทีบาร์ จึงแสดงตัวเข้าควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บก.สปพ.
จากการสอบสวนนายเอกสิทธิ์ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นผู้วางแผนและสั่งการทั้งหมด โดยมีนายเด่นสกุลเป็นผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นวีออส และเป็นผู้สวมใส่กุญแจมือผู้เสียหาย นายฐิติวัฒน์เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ของผู้เสียหาย ตนเป็นผู้ถืออาวุธปืนขนาด .38 และยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อทำการข่มขู่จำนวน 2 นัด ส่วน น.ส.อัญชลีนั่งคุมผู้เสียหายอยู่ในรถยนต์เก๋ง ก่อนจะเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 200,000 บาท เมื่อได้เงินมาก็นำมาแบ่งกันก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี โดยตนกับ น.ส.อัญชลีได้หลบหนีไปซ่อนตัวย่านพระราม 9 กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วน น.ส.อัญชลี ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป