สายตรวจจับกุมพนักงานไอที แอบอ้างทำงานหรู สนิทสนมนักการเมืองดัง ก่อนหว่านล้อมหลอกเหยื่อร่วมทำธุรกิจ พบมีหมายจับติดตัว 3 สน. มูลค่าความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท เจ้าตัวรับนำเงินไปเที่ยวและเล่นการพนันในต่างประเทศ
วันที่ 1 ส.ค. เมื่อเวลา 22.00 น. ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สายตรวจ พ.ต.ต.ปียรัช เวสสะโกศล สว.งานสายตรวจ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้ร่วมกันกันทำการจับกุมตัว นายณฐภัทร หรือ โก้ ไกรสรทองศรี อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ 252/2558 ลงวันที่ 27 ก.ค. 2558 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกง” โดยจับกุมได้ที่หน้าร้านแม็กซ์แวลู สาขารถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีสะพานควาย แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
พ.ต.อ.สำราญ กล่าวว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งผ่านทางโครงการ You’ll never walk alone ว่า ได้ถูก นายณฐภัทร เอาเงินของผู้เสียหายไปรวมมูลค่าหลายล้านบาท โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการหลอกลวง โดยจะเข้ามาตีสนิทกับผู้เสียหาย ก่อนอ้างตัวว่าเป็นผู้บริหารและเป็นผู้ดูแลระบบงานคอมพิวเตอร์ทั้งหมดให้กับบริษัทเครือเซ็นทารากรุ๊ป และยังดูแลระบบคอมพิวเตอร์ให้กับโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์, โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส, ห้างสรรพสินค้าพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์ และโรงแรมโนโวเทล โดยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง โดยการพาไปรับประทานอาหารที่ รร.เซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังอ้างว่าตนสนิทกับนักการเมืองชื่อดังท่านหนึ่ง ก่อนจะชักชวนผู้เสียหายมาร่วมลงทุนเปิดบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการทำบัตรเครดิต, สัมปทานการเช่าและซื้อรถของบริษัทในเครือเซ็นทารากรุ๊ป รวมทั้งธุรกิจอื่น ๆ อีกหลายอย่าง จากนั้นเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ และทำการนำเงินไปร่วมลงทุนกับผู้ถูกจับแล้ว ผู้ถูกจับจะบ่ายเบี่ยง และไม่สามารถติดต่อได้อีกต่อไป จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับอีก 3 แห่งได้แก่ สน.หัวหมาก ข้อหา “ฉ้อโกง” สน.พลับพลาไชย 1 ข้อหา “ฉ้อโกง” และ สน.คันนายาว ข้อหา “ฉ้อโกง” และขณะนี้มีผู้เสียหายทั้งหมด 3 ราย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท
นายวงศ์สินทร์ ฉันทกะวาณิชย์ อายุ 33ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองนั้นประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว โดยนายโก้นั้นเข้ามาตีสนิทกับตนเอง และบอกว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ และยังมีความสนิทสนมกับผู้บริหารชั้นสูงของทางโรงแรม ขณะนี้ต้องการที่จะเปิดบริษัทเช่ารถให้ทางผู้บริหารระดับสูงของทางโรงแรม ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น โดยจะมีการเปิดบริษัทภายในเดือน พ.ค. และต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จากนั้นตนเองจึงได้โอนเงินไปครั้งแรกจำนวน 5,500,000 บาท ครั้งที่สอง 800,000 บาท และครั้งที่สาม 1,700,000 บาท รวมเป็นเงิน 8,000,000 บาท หลังจากนั้นทางผู้ต้องหาก็มีการบ่ายเบี่ยงเรื่องการเปิดบริษัทมาโดยตลอด เมื่อได้ทำการตรวจสอบกับทางเจ้าหน้าที่ทางโรงแรม ก็พบว่าผู้ต้องหาไม่ได้ทำงานอยู่ที่โรงแรมแต่อย่างใด จึงทราบว่าโดนหลอก จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.คันนายาว
นายณฐภัทร ให้การรับสารภาพว่า ตนเองประกอบอาชีพเป็นพนักงานฝ่ายไอที ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้หลอกลวงนายแพทย์ โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งจำนวน 2 ราย ได้เงินไปประมาณ 6,100,000 บาท ต่อมาก็ได้หลอกผู้เสียหายรายล่าสุดได้เงินไปประมาณ 7,500,000 บาท โดยจะมีการแอบอ้างรู้จักกับผู้บริหารบริษัทในเครือเซ็นทรัล เพราะจะได้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งกระทำเพียงคนเดียว ส่วนเงินที่หลอกมาจากผู้เสียหายก็นำไปเที่ยวและเล่นการพนันในต่างประเทศ หลังจากนี้ก็จะพยายามรับผิดชอบให้ได้มากที่สุด และขอโทษที่หลอกลวง
เบื้องต้นจะได้ทำการอายัดตัวไว้ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนแต่ล่ะพื้นที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
