ASTVผูจัดการ - แคดดี้พริตตี้สาวให้ปากคำตำรวจ เสี่ยชูวงษ์โอนหุ้นให้หลังรู้ว่าเป็นพ่อของลูก ก่อนหน้าท้องเสี่ยเคยเสนอเงินสดใ ห้แต่ต้องการความมั่นคงในชีวิตเสี่ยเลยจัดหุ้นให้ เผยคบกันสองปีใช้โทรศัพท์ “บรรยิน” นัดพบกันที่สนามกอล์ฟ หลังรับขายหุ้นมาใช้แล้ว 30 ล้าน ควักซื้อบ้านหรู 10 ล้าน และมอบให้บุพการี ด้านทนายฝ่ายญาติยันยังต้องรอข้อมูลจากตำรวจ และตรวจสอบกรณีสินสมรสภรรยาของผู้ตาย
จากกรณี น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคตดี้ และ พริตตี้สาวคนสนิท นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแต่ญาติติดใจเงื่อนงำโดยเฉพาะประเด็นการโอนหุ้นให้กับบุคคลอื่นได้เดินทางมาพร้อมทนายความในสภาพปิดอำพรางใบหน้า และ ทราบต่อมาตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน เพื่อเข้าพบ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยมพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำ นั้น
นายเอนก คำชุ่ม ทนายความฝ่ายญาติของนายชูวงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ น.ส.กัญฐณา ให้การว่า มีความสัมพันธ์กับผู้ตายจนตั้งครรภ์นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทาง น.ส.กัญฐณา สามารถที่จะให้การต่อพนักงานสอบสวนได้ รวมทั้งให้การว่าผู้ตายโอนหุ้นจำนวน 228 ล้านบาท ให้ด้วยความสิเน่หา ซึ่งทางฝั่ง ครอบครัวนายชูวงษ์เองก็ยังคงต้องรอให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งรอผลตรวจพิสูจน์ลายเซ็นในเอกสารการโอนหุ้น รวมทั้งคลิปเสียงเพื่อความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่นั้น ได้มีการแต่งงานกับภรรยารวมทั้งจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งในกรณีนี้การโอนหุ้นตามกฎหมายถือว่าเป็นสินสมรสซึ่งทั้งนี้ต้องตรวจสอบว่าเป็นการโอนให้โดยชอบธรรรมหรือไม่
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. น.ส. กัญฐณา ศิวาธนพล ได้เดินทางออกจากห้องสอบปากคำก่อนที่ขึ้นรถตู้เดินทางกลับ โดยที่ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนใด ๆ
ด้าน นายเสกสรรค์ เสนาชู ทนายความเผยเพียงสั้น ๆ ว่า ในวันนี้ทางลูกความได้ให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนไปทั้งหมดแล้วซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนของพนักงานสอบสวนดำเนินการ ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ น.ส. กัญฐณา ศิวาธนพล ในฐานะพยานเกี่ยวกับเรื่องหุ้นที่นายชูวงษ์ได้โอนให้ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบพิรุธใด ๆ ทั้งนี้ ตัวของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี และได้รู้จักผู้ตาย และ พ.ต.ท.บรรยิน ผ่านงานเลี้ยงของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งก่อนที่จะคบหาดูใจ เป็นเวลากว่า 2 ปี อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ตัวของ น.ส.กัญฐณา ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งทำนองสามีภรรยาตั้งครรภ์กับนายชูวงษ์เป็นเวลา 7 เดือน โดยทุกครั้งที่มีการนัดเจอกันจะใช้โทรศัพท์ของ พ.ต.ท.บรรยิน เพื่อนัดเจอกันที่สนามกอล์ฟ
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า ระหว่างการคบหาดูใจผู้ตายได้มีการนำเงินสดมาให้ ไม่มีการโอนผ่านบัญชี กระทั่ง น.ส.กัญฐณา ได้ตั้งครรภ์ และได้มีการพูดคุยถึงความมั่นคงของชีวิตในอนาคต ผู้ตายจึงได้เปรยว่าจะโอนหุ้นให้ จนกระทั่งวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีการโอนหุ้นให้ น.ส.กัญฐณา ซึ่งทาง น.ส. กัญฐณา ได้นำเงินออกมา 30 ล้านบาท ก่อนนำไปซื้อบ้านหรูแห่งหนึ่งในราคา 10 ล้านบาท รวมทั้งนำเงินส่วนหนึ่งไปมอบให้บุพการี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหุ้นที่ถือครองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหรือโยงใยกับทาง พ.ต.ท.บรรยิน แต่อย่างใด
ทั้งนี้ หลังการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ทั้ง พ.ต.ท.บรรยิน และ น.ส. กัญฐณา อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาความเชื่อมโยง
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวน บก.ป. ได้ทำหนังสือไปยังกองพิสูจน์หลักฐานในเรื่องของการตรวจสอบลายเซ็นการขูดขีดฆ่า ในเอกสาร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อความชัดเจนโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า น.ส.กัญฐณา เข้ามาให้ปากคำในฐานะพยาน
ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาใด ๆ ซึ่งขอดูผลตรวจเอกสาร จากทางกองพิสูจน์หลักฐานว่าเอกสารในการโอนหุ้นมีพิรุธหรือการปลอมแปลงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบตัวละครที่เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้น คือ น.ส กัญฐณา ศิวาธนพล น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล และ น.ส.ศรีธรา พรหมา เพียงเท่านี้ ซึ่งหลังจากนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า บุคคลทั้งสามมีความสนิทสนมกับนายชูวงษ์มากน้อยเพียงใด รวมทั้งหากสอบปากคำเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะเรียกมาสอบปากคำ ซึ่งในส่วนของการโอนหุ้นจำนวน 228 ล้านบาท นั้น พบว่า มี น.ส.โบว์ เป็นโบร์กเกอร์ในการดูแลให้ ซึ่งต้องเชิญตัว น.ส.โบว์ มาให้ปากคำต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า จะมีการตรวจดีเอ็นเอ น.ส.กัญฐณา ว่า มีการตั้งครรภ์จริงหรือไม่ พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า ในการสอบปากคำเบื้องต้น น.ส.กัญฐณาให้การว่า ไม่อยากให้นำเรื่องเด็กในครรภ์มาเป็นข้อต่อรองทางสังคม แต่ยืนยันว่าเด็กในท้องเป็นลูกของนายชูวงษ์จริง