xs
xsm
sm
md
lg

บช.น.แจงโยกกำลัง ตร.จราจรโครงพระราชดำริ ไม่กระทบหน้าที่หลัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


บช.น. แจงการโยกกำลังจราจรตามโครงการพระราชดำริมาช่วยงานด้านการจราจร ตร. ท้องที่ ไม่กระทบหน้าที่หลักเดิมในโครงการพระราชดำริ เพราะไม่ได้ทำการจับกุม หรือออกใบสั่ง

จากกรณี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ลงนามคำสั่งโยกกำลังตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ให้ไปช่วยตำรวจจราจรท้องที่ปฏิบัติหน้าที่ตามจุดที่มีการจราจรหนาแน่น หลังจากมีชาวบ้านร้องเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ว่า ไม่เห็นตำรวจจราจรในจุดรถติด จนมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียล โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการโยกกำลังในครั้งนี้ เนื่องจากกลัวว่าจะมีกำลังไม่เพียงพอในการปฏิบัติภารกิจหลักเช่น การช่วยเหลือคนเจ็บป่วยฝ่าการจราจรติดขัดไปโรงพยาบาล การทำคลอดฉุกเฉิน ร่วมทั้งโครงการตำรวจช่าง และยังได้แสดงความเห็นใจจราจรพระราชดำริ เพราะชื่นชมผลงานช่วยเหลือประชาชนมากว่า 20 ปี ตามที่เป็นข่าวนั้น

วันนี้ (20 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า การดึงกำลังจราจรโครงการพระราชดำริมาช่วยนั้นไม่กระทบกับหน้าที่เดิมที่ทำอยู่ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่หลักก็ยังปฏิบัติเหมือนเดิมอยู่ ทั้งส่งคนเจ็บคนป่วย ช่วยเหลือการทำคลอด ชุดช่างเขาก็มีอยู่แล้ว เพียงแต่เราได้เสริมสมรรถนะเพิ่มไปมากยิ่งขึ้น ก็ให้เข้ามาช่วยในการอำนวยการจราจรตามแยกสำคัญ ๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ได้กำหนดไว้หมดแล้วตามจุดสำคัญ ๆ ซึ่งช่วงเวลาที่ได้ให้จราจรโครงการเข้ามาช่วยก็จะเน้นช่วงเช้าเย็นเป็นหลัก เป็นการเสริมสมรรถนะงานจราจรให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่าตกใจอะไร เป็นเรื่องที่ต้องน่าดีใจด้วยซ้ำว่าจราจรโครงการพระราชดำริทำได้หลาย ๆ อย่าง ทั้งนำคนเจ็บคนป่วย ชุดช่างต่าง ๆ

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. กล่าวว่า จากที่มีการเข้าใจว่า มีการสั่งยกเลิกตำรวจจราจรโครงการพระราชดำรินั้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่การยกเลิก เป็นเรื่องของการจัดกำลัง ทุกอย่างเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยนี้ ซึ่งเป็นเรื่องของการแก้ไขการจราจรติดขัด มี 5 ข้อ ไม่ได้มีการยกเลิกอย่างที่เข้าใจกัน เป็นการเกลี่ยกำลังปกติเพื่อแก้ไขปัญหารการจราจร เนื่องจากว่ากำลังท้องที่ในช่วง 9.00 - 14.00 น. อาจจะผ่อนกำลังเพื่อพักจากการทำงานถึง 14 - 15 ชั่วโมง ก็จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร กก.6 บก.จร. หรือโครงการพระราชดำริไปช่วยเสริมการปฏิบัติงานให้การจราจรผ่อนคลาย ซึ่งกำลังต่าง ๆ ในโครงการพระราชดำริจากเดิมมีแค่ประมาณ 40 - 50 คน แต่ที่เรามีตอนนี้ 140 - 150 คน เป็นกำลังของท้องที่เอาไปช่วย ทีนี้ก็ดึงกำลังส่วนนี้กลับไปทำหน้าที่เดิมเท่านั้นเองในบางส่วน อาจจะมีผลทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติที่เคยอยู่ประจำจุดอาจจะเปลี่ยนวิธีการทำงานบ้างเล็กน้อยเท่านั้นเองซึ่งไม่ได้กระทบอะไร อาจจะมีเสียงบ่นเพราะว่าต้องทำงานเหนื่อยเท่ากับท้องที่ ทั้งที่เมื่อก่อนเคยประจำจุดก็จะต้องปรับเปลี่ยน เพราะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนซึ่งเราจำเป็นต้องดูแล

เมื่อถามว่า การโยกกำลังไปจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่เดิมของจราจรโครงการหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า กำลังเดิมยังอยู่ ปกติกำลังซึ่งมีอยู่ 40 - 50 คน ทาง บช.น. ได้ส่งกำลังจากท้องที่เข้าไปช่วยเสริมเป็นร้อยกว่า แต่ตอนนี้กำลังส่วนที่เข้าไปช่วยเราได้เอากลับมา ซึ่งเอากลับมาบางเวลาเท่านั้น แค่ 9.00 - 14.00 น. เท่านั้น พอหมดจากช่วงนี้ก็กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ซึ่งไม่ได้กระทบการปฏิบัติหน้าที่อื่นๆและก็เป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์ 5 ข้อของการตั้งหน่วยนี้ขึ้นมา คือ การให้ไปตามจุดต่าง ๆ แก้ไขปัญหาการจราจร แต่เราเพียงแค่กำหนดจุดที่รู้อยู่แล้วมีปัญหา ซึ่งเป็นกำลังที่เราส่งไปเสริมในกองกำกับการนี้ตั้งแต่เดิม โดยไปช่วยอำนวยการจราจรไม่ได้ทำการจับกุม หรืออกใบสั่งที่ไม่อำนาจหน้าที่ของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ จุดต่าง ๆ เป็นจุดตัดต้องการคนไปจัดความสัมพันธ์ก่อนหลังของรถ ถ้าจำเป็นจะต้องจับกุมใครก็แจ้งวิทยุให้ตำรวจในท้องที่ทำการจับกุมได้

ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า จราจรโครงการพระราชดำริ ในหลวงพระราชทานแนวทางปฏิบัติให้ด้วย 5 ประการ คือ 1. แสวงหาแนวทางให้ผู้ใช้รถใช้ถนน เคารพกฎจราจรและมีมารยาท 2. ใช้รถจักรยานยนต์เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปแก้ปัญหายังจุดที่รถติดเปรียบเสมือนกับรถนำขบวนโดยเมื่อขบวนติด รถจักรยานยนต์จะเข้าไปแก้ไขปัญหาทำให้รถใจขบวนเคลื่อนที่ไปได้ ซึ่งรถในถนนมีหลายขบวนก็เช่นเดียวกัน 3. ให้รถจักรยานยนต์ดูแลการจราจรในถนน ให้รถเคลื่อนตัวไปได้เรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม 4. ถนนที่เป็นคอขวดให้รถจักรยานยนต์เข้าไปแก้ไขปัญหาให้รถเคลื่อนตัวไปได้เรื่อย ๆ เปรียบเสมือนเทน้ำออกจากขวด และ 5. ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหากาจราจร กรณีดังกล่าวการโยก จร. โครงการพระราชดำริ มาทำงานนั้นผิดกฎข้อระเบียบตรงไหน และไม่ได้มีการยกเลิก จร. โครงการพระราชดำริ แค่บังคับให้ทำงานมากขึ้นในหน้าที่เดิม ไม่มีสั่งอะไรนอกกฎหมาย หรือระเบียบข้อบังคับ ถ้าสื่อมวลชน หรือผู้แสดงความคิดเห็นในโลกโซเชี่ยลมีเดียนำไปเขียนให้ประชาชนเกิดการเข้าใจผิดก็จะมีการดำเนินการฟ้องดำเนินคดี
กำลังโหลดความคิดเห็น