xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยกฟ้อง “ชวนนท์” ไม่หมิ่น “ปึ้ง” ย้าย ปธ.เจบีซีเอื้อประโยชน์กัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง “ชวนนท์” ไม่หมิ่นแถลง “ปึ้ง” อดีต รมว.ต่างประเทศ สั่งย้าย “อัษฎา ชัยนาม” ประธานเจบีซี ปี 54 เอื้อประโยชน์กัมพูชา ชี้กระทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ

วันนี้ (17 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หมายเลขคดีดำ อ.4990/2554 ที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์, บริษัท เอ็นเคที นิวส์ จำกัด ผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ, นายจักร์กฤษ เพิ่มพูล บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.กรุงเทพธุรกิจ, น.ส.นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ อดีตบรรณาธิการข่าวการเมือง, บริษัท เอ็นเอสที นิวส์ จำกัด ผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก และนายเฉลียว คงตุก บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.คมชัดลึก เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328

โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย. 2554 นายชวนนท์ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่านายสุรพงษ์ โจทก์ซึ่งเป็น รมว.ต่างประเทศ ได้ให้นายอัษฎา ชัยนาม ออกจากประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) และให้นายวีรชัย พลาศรัย ออกจากกรรมาธิการเจบีซีเพื่อประโยชน์แก่กัมพูชา ซึ่งเป็นความเท็จ และต่อมาจำเลยที่ 2-6 ได้นำตีพิมพ์เผยแพร่ข่าวในวันที่ 25 ก.ย. 2554 การกระทำของพวกจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย เหตุเกิดที่พรรคประชาธิปัตย์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.

ขณะที่ศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูลจึงให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป ชั้นพิจารณาจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ส่วนจำเลยที่ 2-6 ซึ่งเป็นบรรณาธิการ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ และ นสพ.คมชัดลึก โจทก์ได้ถอนฟ้องคดีไปแล้ว

คดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2557 ว่านายชวนนท์จำเลยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 100,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อน เห็นควรให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี โดยให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วเห็นว่า จำเลยเป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นนักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล ส่วนโจทก์เป็น รมว.ต่างประเทศในขณะนั้นมีหน้าที่กำกับดูแลปัญหาพื้นที่กรณีข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ได้มีคำสั่งย้ายนายอัษฎา ชัยนาม ออกจากประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) และให้นายวีรชัย พลาศรัย ออกจากกรรมาธิการเจบีซี ซึ่งการที่โจทก์เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลอยู่นั้นควรจะต้องแถลงข่าวให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงในการเปลี่ยนตัวคณะกรรมการทั้งสอง

ส่วนที่จำเลยได้แถลงข่าวทำนองว่าโจทก์ได้สั่งให้นายอัษฎา และนายวีรชัยออกจากประธานและกรรมาธิการเจบีซี เพื่อประโยชน์แก่ประเทศกัมพูชาและเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือไม่นั้น เป็นการตั้งคำถามเชิงตรวจสอบ ตั้งข้อสงสัย และเป็นการคาดคะเนต่อการกระทำหน้าที่ของโจทก์ในฐานะ รมว.ต่างประเทศ ไม่ได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นผู้ทำประเทศชาติเสียหาย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

ภายหลังนายชวนนท์กล่าวว่า ขอบคุณศาลอุทธรณ์ที่มีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้อง การทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้านย่อมได้รับความคุ้มครอง เพราะการตรวจสอบของตนไม่ได้กระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือเพื่อพรรคการเมือง แต่เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ย่อมไม่เข้าข่ายของการหมิ่นประมาท อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบว่าฝ่ายโจทก์จะยื่นฎีกาอีกหรือไม่








กำลังโหลดความคิดเห็น