สน.พระอาทิตย์
ท่ามกลางเสียงลือสะพัดในท่วงทำนองที่ว่า พล.ต.อ.สมยศ ยอมเสียหน้า กลืนน้ำลายตัวเอง กลับมติ ก.ตร. ใหม่ เป็น “ไม่อุทธรณ์” ก็เพราะช่วงที่เกิดเรื่องวุ่นวายนั้น มีสัญญาณบางอย่างส่งออกมาให้รับรู้ว่า ถ้ายังยืนมติเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อาจมีรายการ ฟ้าผ่า! กรมปทุมวัน เป้าหมายที่อยากจะลงจากตำแหน่ง “ผู้นำสีกากี” แบบสง่างาม อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด และอาจจะต้องซ้ำรอยเหมือน ผบ.ตร. ยุคก่อน ๆ ที่ต้องไปเกษียณอายุราชการในตำแหน่งอื่น ไม่ใช่ภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จนถึงตอนนี้ ไม่น่าจะมีอะไรมาสั่นคลอนเก้าอี้ “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” หรือ “ผบ.ตร.” ของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เหลืออีกเพียงไม่ถึง 90 วัน ก็จะอยู่ครบเกษียณอายุราชการ วันที่ 30 กันยายน 2558 และก้าวลงจากตำแหน่ง “ผู้นำสีกากี” อย่างครบถ้วนตามกติกา
เมื่อระเบิดลูกใหญ่ ปมพิจารณา “อุทธรณ์” หรือ “ไม่อุทธรณ์” คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่มีคำสั่งให้ ก.ตร. ถอนมติในการประชุม ก.ตร. ที่เพิกถอนการได้รับสิทธิทวีคูณในการเลือนตำแหน่งสูงขึ้น ซึ่งทำให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เสียสิทธิในตำแหน่งเป็น ผบช.ภ.1 ในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2553 ที่วุ่นวายอยู่พักใหญ่ จนกลายเป็นประเด็นร้อน ๆ ในกรมปทุมวัน
ถูกถอดรหัสเก็บกู้ออกไปเรียบร้อย!!!
ชนิดที่ พล.ต.อ.สมยศ ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง กลับมติวงประชุม ก.ตร. จากให้ “อุทธรณ์” คำสั่งเยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็น “ไม่อุทธรณ์” แบบหน้าตาเฉย
ที่ว่ากลืนน้ำลายตัวเองเพราะครั้งแรกที่ พล.ต.อ.สมยศ นั่งหัวโต๊ะประชุม นั่งยัน นอนยัน กอดกฎหมายการันตีความถูกต้อง จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางที่ให้เยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้รับสิทธิทวีคูณในการแต่งตั้งเป็น ผบช.ภ.1 ในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2553
พอ พล.ต.ท.ศรีวราห์ คัดค้านการประชุม ก.ตร. ที่ลงมติจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้องตามระเบียบ ข้อกฎหมาย พร้อมร้องทุกข์ไปที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร.
กระทั่ง พล.อ.ประวิตร ให้มาพิจารณาระเบียบ ข้อกฎหมาย ในการประชุม ก.ตร. กันใหม่ สุดท้ายพล.ต.อ.สมยศ ก็ประชุม ก.ตร. อีกรอบ และเปลี่ยนมติ ก.ตร. เป็น “ไม่อุทธรณ์” คำสั่งศาลปกครองกลาง การที่ให้เยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ อ้างเหตุและผลบอก ก.ตร.ได้ตรวจสอบหลักฐานอย่างละเอียด จนได้ข้อสรุปว่า การประชุมครั้งที่ 8/2558 นั่น ไม่เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับตามที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ร้องเรียนจริง ยอมรับที่ประชุมได้รับข้อมูลใหม่บางประการ
“จึงมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่สมควรอุทธรณ์คำสั่งอีก”!!!
พร้อมกับท่าทีขึงขังของ พล.ต.อ.สมยศ เดินหน้าสานต่อกลืนน้ำลายตัวเองในการ “เยียวยา” ให้กับพล.ต.อ.ศรีวราห์ ทันที โดยประกาศเสียงดังฟังชัดการเยียวยา โดยการแต่งตั้งย้อนหลังนั้น ต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอให้ถึงวาระประจำปี ตามศาลปกครองที่มีคำสั่งให้ดำเนินการโดยเร็ว โดยการเปิดตำแหน่งเพื่อใช้แต่งตั้งต่อไปในการประชุม ก.ตร. จากนั้นจะต้องประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อเปิดตำแหน่ง
มาตรการเยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ ด้วยการเลื่อนตำแหน่งตามสิทธิทวีคูณที่ได้รับ จะไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายของคนสีกากีมากนัก แต่การรีบเร่งเปิดตำแหน่งใหม่ และแต่งตั้งอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอวาระประจำปี ที่เหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะทำบัญชีแต่งตั้งกันแล้ว สร้างความแปลกใจอย่างมาก
เพราะว่ากันตามตรง ท่าที พล.ต.อ.สมยศ ต่อคำสั่งศาลปกครองที่ให้เยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตั้งแต่เริ่มต้นก็ดูทีท่าไม่ได้อ้าแขนโอบอุ้ม พล.ต.ท.ศรีวราห์ มากนัก ไม่เช่นนั้นในการประชุม ก.ตร. พิจารณาเยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ ครั้งแรก มติ ก.ตร. คงไม่ออกมาว่าจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองดังกล่าว กระทั่งเกิดเรื่องเกิดราวคัดค้านมติ ก.ตร. กันวุ่นวาย จนสุดท้ายต้องเปลี่ยน มติใหม่เป็น “ไม่อุทธรณ์” แทน
ท่ามกลางเสียงลือสะพัดในท่วงทำนองที่ว่า พล.ต.อ.สมยศ ยอมเสียหน้า กลืนน้ำลายตัวเอง กลับมติ ก.ตร. ใหม่ เป็น “ไม่อุทธรณ์” ก็เพราะช่วงที่เกิดเรื่องวุ่นวายนั้น มีสัญญาณบางอย่างส่งออกมาให้รับรู้ว่า ถ้ายังยืนมติเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อาจมีรายการ ฟ้าผ่า! กรมปทุม เป้าหมายที่อยากจะลงจากตำแหน่ง “ผู้นำสีกากี” แบบสง่างาม อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด และอาจจะต้องซ้ำรอยเหมือน ผบ.ตร. ยุคก่อน ๆ ที่ต้องไปเกษียณอายุราชการในตำแหน่งอื่น ไม่ใช่ภายในรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ดูเหมือน พล.ต.อ.สมยศ ไม่น่าจะมีทางอื่น นอกจากทำตามสัญญาณดังกล่าว แต่คนชื่อ “สมยศ” ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านการเรียนรู้ ผ่านการฝึกฝน แบบอย่างมาจากอดีตนักการเมืองระดับเขี้ยวรากดินอย่าง “มนตรี พงษ์พานิช” สมัยเป็นตำรวจติดตาม มีหรือจะยอม “เสียหน้า” จะยอม “กลืนน้ำลาย” จะยอมให้สังคมถากถางเป็นพวกไม้หลักปักขี้เลนง่าย ๆ
การเดินหมากหันมาสนับสนุนไม่อุทธุรณ์และเร่งเยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตามสัญญาที่ผู้มีอำนาจต้องการ นอกจากทำให้ เก้าอี้ “ผบ.ตร.” แน่นปึ้ก รอเวลาเกษียณอายุราชการอีก 2 เดือนกว่า ๆ ข้างหน้าค่อนข้างแน่แล้ว เมื่อคิดสาระตะแล้ว การยกตูด “ศรีวราห์” ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย น้องเลิฟที่สนับสนุนให้แตะไม้ต่อมาก็ไม่ได้มีผลอะไร แถม พล.ต.อ.สมยศ ก็มีแต่ได้กับได้ แถมได้ชนิดที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
ประการแรก ได้ใจ ผู้ใหญ่ที่หนุน พล.ต.อ.ศรีวราห์ ซึ่งน่าจะช่วยให้เก้าอี้ ผบ.ตร. ของตัวเองแข็งโป้ก ประการต่อมา ก็ได้ไม่ต้องถูกฟ้องร้อง ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะดูท่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ ฟ้องร้องแน่ รวมทั้งมติ ก.ตร. ที่บุ่มบาททำลงไปแบบสุ่มเสี่ยงขัดกฎหมาย ขัดระเบียบ ก็จะถูกยกเลิกไป เพราะมีมติ ก.ตร. ใหม่มาทดแทน
ประการสำคัญ ถึงจะเยียวยาด้วยการเปิดตำแหน่งใหม่ให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ขึ้นตามการนับวันทวีคูณใต้ ก็ใช่ว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ จะขึ้นไปสู่ฝั่งฝันเทียบวันเวลาติดยศ พล.ต.อ. นั่งเก้าอี้ รอง ผบ.ตร. หรือที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. จ่อคิวมีลุ้นคว้าตำแหน่ง ผบ.ตร. ง่ายๆ
ไม่ต้องไปพูดถึง มติ ก.ตร. ปี 2553 ที่แต่งตั้ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ขึ้น ผบช.ภ.1 แต่ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ รวมทั้งยังไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผบช.ภ.1 เพราะชื่อถูกถอนออกไปจากวงประชุม ก.ตร. ก่อนที่จะถูกทูลเกล้าฯเสนอ ซึ่งสุ่มเสี่ยงข้อกฎหมาย ที่ตาม พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ลักษณะ 6 ระเบียบข้าราชการตำรวจ หมวด 2 การบรรจุ การแต่งตั้งและการเลื่อนขั้นเงินเดือน มาตรา 51 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง (4) ตำแหน่งผู้บัญชาการ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพลตำรวจตรี หรือพลตำรวจโท
เอาแค่การเปิดตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ขึ้น หากจะหมายใช้ทวีคูณได้ แค่ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. นับหนึ่งเริ่มต้นให้คำสั่งมีผลตั้งแต่ปี 2558 ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าคิดการใหญ่ต้องการขยับตามแผนบันได 3 ขั้น อย่างที่มีกระแสลือสู่เก้าอี้ ผบ.ตร. ก็ต้องบอกว่าเหนื่อยแน่
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเมื่อเปิดตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. แล้ว และ ก.ตร. มีมติแต่งตั้ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องทำเรื่องกราบบังคมทูลฯให้ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และต้องให้คำสั่งมีผลย้อนหลังเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตั้งแต่วาระปี 2556 หรือ 2 ปีที่แล้ว
ต้องถามว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะกล้าดำเนินการเช่นนั้นหรือไม่ เพราะไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหน่วยไหน หรือคนใด????
พล.ต.อ.สมยศ ก็น่าจะรู้ปมปัญหาความสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ แต่ที่เลือกเดินหน้าแบบไม่ขัดขืนอีกต่อไป ก็ตีความเป็นอื่นไม่ได้นอกจากการรักษาเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ไปจนเกษียณอายุราชการ 30 กันยายน 2558 เพื่อเป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรีวงตระกูลอย่างที่ตัวเองตั้งใจไว้