ตร. จ่อเรียกตัวจ่ามวลทหารนอกราชการ คนสนิท สมยศ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ด้านทนาย “เอ๋ ชนม์สวัสดิ์” ยอมรับเคยว่าจ้างสมยศ วิ่งเต้นคดีทุจริตเลือกตั้งปี 42 แต่ทุกอย่างจบลงด้วยดี แต่ ตร. อาจมีความจำเป็นต้องเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีฆ่า นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อเคเฟ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบประเด็นปมสังหารนายสมยศ ที่ตั้งเอาไว้ทุกประเด็น ทั้งนี้ ในวันที่ 10 ก.ค. 58 เวลาประมาณ 19.00 น. จะมีการเรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี เพื่อประชุมสรุปความคืบหน้าของคดี โดยนำข้อมูลพยานและหลักฐานทั้งหมดมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการสังหาร นายสมยศ ว่ามาจากเรื่องอะไร และประเด็นใดมีน้ำหนักมากที่สุด รวมทั้งการสืบสวนติดตามกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม หรือ เอ๋ นักการเมืองดังแห่งเมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ ให้ นายสมยศ รับเคลียร์คดีตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นวงเงิน 5 ล้านบาทนั้น ทนายความของนายชนม์สวัสดิ์ เดินทางมาให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนคลี่คลายคดีแล้ว โดยระบุว่า นายชนม์สวัสดิ์ เคยขอความช่วยเหลือและปรึกษาเกี่ยวกับคดีจริงแต่วงเงิน 2.5 ล้านบาท ไม่ใช่จำนวน 5 ล้านบาท แต่ นายสมยศ ได้เงินคืนดังกล่าวให้นายชนม์สวัสดิ์ ไปหมดแล้ว เนื่องจากรับงานไปแล้ว คาดว่าไม่น่าจะช่วยเหลือคดีได้
ด้าน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจากชุดคลี่คลายคดี ว่า นายสมยศ ได้รับว่าความดคีให้กับนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ กรณีถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งเมื่อปี 2542 ส่วนจะมีการเรียกนายชนม์สวัสดิ์ มาให้ปากคำหรือไม่นั้น ตนได้มีการประชุมกำชับพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ว่า หากมีความจำเป็นต้องเรียกมาให้ปากคำก็ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้น ทั้งนี้ แนวทางการสืบสวนยังคงให้น้ำหนักในแต่ละประเด็นเท่า ๆ กัน คือ เรื่องหนี้สินการเล่นพนันกับกลุ่มของ นางศุภนิดา นรรัตน์ หรือ ก้อย อายุ 48 ปี และ นายสมชัย นิตยา หรือ เล็ก ชุมพร อายุ 51 ปี สามีของ นางศุภนิดา ข้อพิพาทฟ้องร้องเรื่องที่ดินย่านพระราม 9 เรื่องอ้างวิ่งเต้นช่วยเหลือคดียาเสพติด ความขัดแย้งกันในครอบครัว และ ปมธุรกิจ สำหรับการรับเคลียร์คดีสำคัญต่าง ๆ ได้ประสานให้ทางกองปราบปรามทำหน้าที่เรียงลำดับความสำคัญของคดีที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการจ้างวานสังหารอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ชื่อดัง
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือยิงนายสมยศ และหลบหนีมาจนถึงบริเวณถนนเสรีไทย 11 จากนั้น มีรถเก๋งมารับไปหลังเกิดเหตุ ถามว่า เป็นรถคันสีขาวหรือไม่ตนไม่ยืนยัน เนื่องจากหากมีการจับกุมคนร้ายได้ พบว่ารถที่พาหลบหนีไม่ใช่สีขาว ซึ่งอาจเป็นเหตุให้คนร้ายนำไปแก้ต่างในชั้นศาลได้ สำหรับการติดตามรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ใช้ในการก่อเหตุ มีรายงานแจ้งว่า น่าจะนำไปซุกซ่อนไว้บริเวณสนามราชมังคลากีฬาสถาน แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. เบื้องต้นได้สั่งการให้ บก.สส.บก.น.5 นำกำลังไปตรวจสอบแล้ว หากเจอให้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน และประสานทั้ง 88 สน. ทั่วนครบาล เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนีของคนร้ายให้ได้ อย่างไรก็ตามตนได้กำชับให้ชุดคลี่คลายคดีเร่งสืบสวนสอบสวนให้สิ้นกระแสความ และให้แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบช่วยประสานข้อมูลกันอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งสรุปผลรายงานความคืบหน้ามาที่ตนทุก 24 ชม.
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดี แจ้งว่า เตรียมเชิญตัวคนสนิทของนายสมยศมาสอบปากคำอีก 2 ราย คือ จ่ามวลทหารนอกราชการ คนสนิทนายสมยศ และเป็นคนโทรศัพท์ไปหานางศุภนิดา นรรัตน์ หรือ ก้อย ในวันเกิดเหตุว่านายเสียแล้ว รวมถึง นายณรงค์ ที่รู้จักสนิทสนมกับนายสมยศ และเป็นคนที่นายสมยศไว้วางใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง รวมถึงเรื่องการฟ้องร้อง นายสมชัย นิตยา หรือ เล็ก ชุมพร นางมุกรินทร์ นิตยา หรือ เรียม น้องสาวนายสมชัย และนายปริญญา ปิยะภาค หรือ ปีเตอร์ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ ในความผิดต่างกรรมต่างวาระกับตำรวจ 6 สน. และเป็นคนติดต่อ เสธ.นุ หรือ นายภาณุ จันทร์ศรี ให้รู้จักกับ นายสมยศ ซึ่งต่อมานายสมยศได้ไว้วางใจให้เป็นตัวแทนเจรจาทวงหนี้ 25 ล้านบาท จากกลุ่มของนายสมชัย หรือเล็กด้วย
พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. กล่าวว่า ภาพความเชื่อมโยงของกลุ่มคนร้ายเริ่มชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเบาะแสรถจักรยานยนต์ของคนร้าย ที่มีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น และกรณี เสธ.นุ นั้น ได้เรียกมาสอบแล้วหนึ่งครั้งก็ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งความสัมพันธ์ของ เสธ.นุ กับผู้ตาย เป็นลักษณะของการแนะนำกันมาจากอีกคนหนึ่ง สำหรับประเด็นของการรับเคลียร์คดีมีมากกว่า 10 เรื่อง และได้หาความเชื่อมโยงกันของแต่ละเรื่อง และจะมีการสรุปความเกี่ยวข้องในวันที่ 10 ก.ค. นี้
***สรุปความเกี่ยวข้องคดี 10 ก.ค. นี้
ที่ กก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ขณะนี้การสืบสวนทางคดีมีผลคืบหน้าไปมากในตอนนี้อยู่ระหว่างการทยอยเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาสอบปากคำ รวมถึงจะมีการเรียกตัว นางรัศมี ภรรยา นายสมยศ เข้ามาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ส่วนที่มีรายงานว่าไดอารี่ของนายสมยศ หลักฐานสำคัญที่ผู้ตายเขียนบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานก่อนถูกสังหาร พบว่า มีรายชื่อของ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อยู่ในไดอารี่เล่มดังกล่าว จากการตรวจสอบของฝ่ายสืบสวนไม่พบว่ามีชื่อของนายชนม์สวัสดิ์ตามที่เป็นข่าว และไม่ได้มีการเรียกมาพบเพื่อสอบปากคำแต่อย่างใด