ตำรวจ ป.ป.ส.ลงพื้นที่ปิดล้อมชุมชนสุเหร่าหัวหมากน้อย รวบได้ 8 รายจาก 13 หมายจับ พร้อมของกลางยาบ้า 48 เม็ด ยาไอซ์ และใบกระท่อม ขณะที่ผู้ต้องหารายหนึ่งสารภาพได้ค่าเดินเม็ดละ 20 บาท หลังชุมชนดังกล่าวเป็นที่แพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างหนักในช่วง 2 ปี
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส. นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. นายสิทธิศักดิ์ กัลยาณประดิษฐ์ ผอ.ป.ป.ส. และผู้แทนจากหน่วยกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ร่วม แถลงผลการปราบปรามทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดระดับแพร่ระบาดที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนต่างๆ ใน กทม.
นายเพิ่มพงษ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากทาง ป.ป.ส.ได้รับการร้องเรียนแจ้งเบาะแสจากประชาชนผ่านหลายช่องทางโดยเฉพาะสายด่วน 1386 ซึ่งชุมชนหัวหมากน้อยภายในหมู่บ้านสวนสน ซอย 9 ประตูเหล็ก ย่านรามคำแหง 60 ได้รับการร้องเรียนมาเป็นจำนวนมากว่าประชาชนในหมู่บ้านมีพฤติการณ์ข้องเกี่ยวและค้ายาเสพติดจำนวนกว่าครึ่งหมู่บ้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงรวมกำลังพลเพื่อเข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 8 รายจาก 13 หมายจับ และควบคุมผู้เสพยาเสพติดได้ จำนวน 15 ราย ซึ่งในผู้เสพมีจำนวน 3 คนที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ พร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 48 เม็ด, ไอซ์ และพืชกระท่อมจำนวนหนึ่ง โดยการลงพื้นที่ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นพื้นที่ 1 ใน 200 ชุมชนเป้าหมาย ถือเป็นการเริ่มต้น “ยุทธการหมู่บ้านชุมชนปลอดภัยไร้ยาเสพติด” ซึ่งจะมีการดำเนินการต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือนต่อจากนี้
ด้านนางพรทิพย์ ศรีเมฆ อายุ 53 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ตนพักอาศัยอยู่ในชุมชนดังกล่าว มีอาชีพรับจ้างทั่วไป หากมีใครเข้ามาในหมู่บ้านแล้วต้องการยาบ้า ตนก็จะเป็นคนเดินยาให้โดยจะคิดค่าเดินเม็ดละ 20 บาท สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างหนักเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีประชาชนจากชุมชนใกล้เคียงเข้ามาจำหน่ายยาเสพติดที่ชุมชนแห่งนี้ ก่อนจะกลับไปพักอาศัยที่ชุมชนตนเอง บางส่วนก็เคยถูกจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว แต่หลังจากพ้นโทษก็กลับมาจำหน่ายยาเสพติดในลักษณะเดิมอีก รวมทั้งบางรายยังมีการใช้เด็กและเยาวชนเป็นเด็กเดินส่งยาด้วยเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พล.ต.ท.เรวัชกล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจับกุมครั้งใหญ่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ความพึงพอใจจากประชาชน เนื่องจากบางครั้งข้างบ้านของประชาชนยังมีการจำหน่ายยาเสพติดอยู่ จึงต้องมีการปราบปรามผู้จำหน่ายยาเสพติดรายย่อยร่วมด้วยเพื่อตัดวงจรการจำหน่ายยาเสพติด ทั้งนี้ จากการเข้าปฏิบัติการในครั้งนี้นอกจากจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้แล้ว ยังตรวจพบว่ามีผู้ต้องหญิงหารายหนึ่งได้ต้มน้ำใบกระท่อมแล้วกรอกใส่ขวดนมให้ลูกวัยเพียง 2 ขวบดื่ม ถือว่ามีความน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมากเนื่องจากปัญหายาเสพติดได้ลุกลามไปยังเยาวชน อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนทราบว่าในชุมชนดังกล่าวมีประชาชนจำนวนกว่า 500 คน ส่วนใหญ่มีการข้องเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งสิ้น โดยหลังจากนี้อีก 7 วัน ทางเจ้าหน้าที่จะมีการลงตรวจสอบชุมชนแห่งนี้เพื่อตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด หากพบว่าใครเสพยาเสพติดก็จะส่งตัวไปบำบัด จากนั้นจะเว้นระยะเวลาไปอีก 7 วัน ก่อนจะลงตรวจอีกครั้ง และจะลงตรวจซ้ำอีกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะมีการผลักดันชุมชนดังกล่าวเป็นชุมชนต้นแบบต่อไป