ป.ป.ส. รวบทรัพย์สินเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ 3 เครือข่าย ใน 6 จังหวัด มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท
วันนี้ (9 พ.ค.) นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการคณะกรรมการป้องปันและปรามปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมด้วยนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายสิทธิศักดิ์ กัลยาณประดิษฐ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจัทรนนท์ รอง ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวปิดยุทธการขยายผลตัดวงจรการเงินเครือข่ายยาเสพติด ครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 6-9 พ.ค. 58 รวบทรัพย์สินเครือข่ายนักค้ายาเสพติดมูลค่าร่วม 100 ล้านบาท
นายเพิ่มพงษ์กล่าวว่า เนื่องจากยุทธการดังกล่าวเป็นการดำเนินการครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 6-9 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ปิดยุทธการขยายผลตัดวงจรการเงินเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งทาง ป.ป.ส.ได้ผสานกำลังกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเพื่อตัดวงจรการเงินของเครือข่ายยาเสพติด และปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งเครือข่าย และนอกจากนี้ ป.ป.ส.ยังได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนในเชิงลึกถึงการกระทำความผิดในฐานอื่นๆ เช่น การนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปฟอกเงิน นำไปดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือข่ายระดับกลาง ไม่ถึงกับเป็นเครือข่ายใหญ่ แต่ก็มีศักยภาพพอสมควร
นายสิทธิศักดิ์กล่าวว่า สำหรับผลการปฏิบัติการในวันที่ 6 พ.ค.ที่ได้ปฏิบัติการร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงาน ปปง., ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ภ.จว.สมุทรปราการ, ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, ภ.จว.อ่างทอง, ภ.จว.ราชบุรี, บช.น., บช.ภ.4, ภ.จว.หนองบัวลำภู, ฝ่ายปกครองและกองบัญชาการกองทัพไทย ผสานกำลังปฏิบัติการประมาณ 350 นาย เข้าจับกุมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 3 เครือข่ายใน 6 จังหวัด ได้แก่ กทม. ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี อ่างทอง และหนองบัวลำภู รวมทั้งสิ้น 19 จุด มีดังนี้ 1. เครือข่าย นช.ศักดา เลิศรัศมิทัศน์ นักโทษในเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี จับกุม น.ส.เบญจพร ศรีสุทัศน์ พร้อมอายัดยึดทรัพย์สินเป็นเงินสด 9,970,000 บาท พร้อมบ้าน ที่ดิน รถยนต์ รถบรรทุก รถแทรกเตอร์ ทองรูปพรรณ เครื่องใช้ไฟฟ้า บัญชีธนาคาร รวมทรัพย์สินมูลค่า 46,535,425 บาท
2. เครือข่าย นช.สมชาย หลาบเจริญ นักโทษในเรือนจำเขาบิน จับกุม นางสาหร่าย ดีพลา น.ส.ดุจดาว หรือพิชญาฎา หรือเล็ก พิสูตร หรือเอกวัฒนาพิพัฒน์ พร้อมยึดทรัพย์สิน ที่ดิน 25 ไร่ เงินสด 70,000 บาท จักรยานยนต์ ทองรูปพรรณ วัวพันธุ์ รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 17,854,000 บาท และ 3. เครือข่าย นช.โสรส พงษ์ศักดิ์ขจร นักโทษในเรือนจำเขาบิน ยึดทรัพย์สินเป็นที่ดิน 1 แปลง มูลค่า 500,000 บาท
นายสิทธิ์ศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับผลปฏิบัติการวันที่ 7 พ.ค. ป.ป.ส.ผสานกำลังกับ ภ.จว.ชลบุรี บช.ภ.4 และ บก.น.9 ใช้เจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการประมาณ 100 นาย จับกุมตรวจค้นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ 2 จังหวัดได้แก่ พื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.บึงกาฬ รวมทั้งสิ้น 5 จุด ทลายเครือข่ายนายจันทา สาลือชา ยึดทรัพย์สินเป็นที่ดิน 9 แปลง รวม 70 ไร่ จักรยานยนต์ เรือยนต์ เครื่องประดับ และเงินในบัญชธนาคาร 100,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 8,500,000 บาท
ส่วนผลปฏิบัติการในวันที่ 8 พ.ค. ป.ป.ส.ร่วมกับ ศรภ. บช.น. ภ.จว.ชุมพร ภ.จว.ตรัง และ ภ.จว.พัทลุง ผสานกำลังปฏิบัติการรวม 180 นาย จับกุมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 2 เครือข่ายในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ ชุมพร ตรัง และพัทลุง รวมทั้งสิ้น 13 จุด ดังนี้ เครือข่ายนายณัฐพล ทองเที่ยงชัยศิริ ยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ ไม้แปรรูป บัญชีธนาคารและบัตรกดเงินสด รวมมูลค่าประมาณ 1,350,000 บาท และจับกุมนายสยาม หงษ์ขจร ยึดทรัพย์สินเป็นเงินสด 170,000 บาท ทองรูปพรรณ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 1,120,000 บาท ส่วนผลปฎิบัติการในวันที่ 9 พ.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของยุทธการ ทาง ป.ป.ส. ได้ร่วมมือกับ ตร.ภ.2 ตร.ภ.4 DEA ทหารพราน 21 ภ.จว.ระยอง ภ.จว.นครราชสีมา ผลปฎิบัติการดังนี้ ทลายเครือข่ายนายณัฐบูรณ์ บุรีรัตน์ (เครือข่ายนักค้าเฮโรอีนและยาบ้า) จับกุมนายยุทธการ เทตินน้ำ นายศุภชัย จันดี และ น.ส.ศุภารฎา ประเสริฐศิลป์ ยึดอายัดทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท
ส่วนเครือข่ายสุดท้ายอยู่ระหว่างปฏิบัติการยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ประเมินทรัพย์สินที่จะอายัดไว้ประมาณ 5 ล้านบาท สรุปผลการปฏิบัติการทั้ง 4 วันที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 ราย ทรัพย์สินที่ยึดได้เป็นเงินสด 13,796,425 บาท, บ้านพักอาศัย 2 หลัง, ที่ดิน 17 แปลง รวม 110 ไร่, รถยนต์ 14 คัน, จักรยานยนต์ 4 คัน, ทองรูปพรรณ 36 รายการ, เครื่องใช้ไฟฟ้า 4 รายการ และอื่นๆ 12 รายการ รวมทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท
นายเพิ่มพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทรัพย์สินที่ ป.ป.ส.ตรวจยึดอายัดไว้ เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วก็จะนำทรัพย์สินดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาด และนำเงินที่ได้เข้ากองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ส่วนยุทธการที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การดำเนินการครั้งต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดทางไม่ให้นักค้ายาเสพติดนำเงินจากการค้ายาเสพติดไปใช้อย่างสุขสบายและไปต่อยอดค้ายาเสพติดและทำธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ ได้อีก
