xs
xsm
sm
md
lg

แจ้งจับสาวแสบหลอกทำแฟรนไชส์สถานรับเลี้ยงเด็ก สูญ 6 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“น.ส.ศิรินธร” พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย 6 คน พาพวกแจ้งจับสาวแสบหลอกทำแฟรนไชส์สถานรับเลี้ยงเด็ก ต่อมาไม่มีการดำเนินการใดๆ อ้างช่างติดงานที่อื่น หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้ รวมมูลค่าเสียหายกว่า 6 ล้านบาท ด้าน ตร.รับเรื่อง สอบปากคำผู้เสียหายไว้ก่อน พร้อมดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

วันนี้ (2 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. น.ส.ศิรินธร เรืองพร อายุ 35 ปี พร้อมด้วยผู้เสียหาย 6 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ชลิต มณีพราว พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนางจิรายุ สุจริตจันทร์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/5 ซอยพระยาสุเรนทร์ 40 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. เจ้าของบริษัท คิดส์ช้อยซ์ 1960 จำกัด ตั้งอยู่ที่เนอวานาแอทเวิร์ค พระราม 9 ซอยถาวรรัตน์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. หลังจากถูกนางจิรายุหลอกลวงให้นำเงินมาลงทุนซื้อแฟรนไชส์กิจการสถานดูแลเด็กเล็กหรือเนิร์สเซอรีของบริษัทดังกล่าว รวมมูลค่าเสียหายกว่า 6 ล้านบาท โดยนำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐาน

น.ส.ศิรินธรกล่าวว่า เมื่อปลายปี 2557 ตนกับทางครอบครัวสนใจจะเปิดกิจการสถานดูแลเด็กเล็ก จากนั้นได้รับการแนะนำจากน้องสาวให้รู้จักกับนางจิรายุซึ่งประกอบธุรกิจด้านนี้อยู่และมีการทำแฟรนไชส์เกี่ยวกับการตกแต่งภายในสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก ตนเห็นว่าบริษัทแห่งนี้มีประสบการณ์และเคยจัดหาพี่เลี้ยงเด็กให้น้องสาวจึงหลงเชื่อตัดสินใจทำสัญญาซื้อแฟรนไชส์เป็นเงิน 300,000 บาท มีข้อตกลงว่าทางบริษัทจะตกแต่งภายในสถานที่และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินเดือนพี่เลี้ยงเด็กทั้งหมดโดยตนจะจ่ายเงินในอัตราร้อยละ 10 เป็นค่าจ้างดูแลเด็กแต่ละคนให้กับบริษัทดังกล่าวทุกเดือน

น.ส.ศิรินธรกล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาซึ่งเป็นกำหนดการเริ่มต้นตกแต่งภายในสถานที่ นางจิรายุก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ ตนเห็นว่ามีการผิดสัญญาจึงทวงถามไปแต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง อ้างเพียงว่าช่างของบริษัทยังติดงานเพราะรับงานลูกค้าหลายรายต้องขอเลื่อนกำหนดออกไปก่อน แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกเช่นเดียวกับตนจึงนัดรวมตัวกันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ในครั้งนี้

ด้าน ร.ต.ท.ชลิตกล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ก่อนจากนั้นจะตรวจสอบเอกสารต่างๆ และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยกรณีดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น