กลุ่มผู้เสียหายจาก จ.ชลบุรี แจ้งจับสองผัวเมียอ้างตัวเป็นโบรกเกอร์ตุ๋นเหยื่อเพื่อระดมเงินที่มียอดค้างกับธนาคาร แต่ต้องการกู้เพิ่ม ลวงให้ไปพบกับผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสินเชื่อธนาคารดังเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ มูลค่าความเสียหายกว่า 42 ล้าน
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.00 น. นายรัชยุทธ รอดสัมฤทธิ์ อายุ 39 ปี อาชีพรับราชการ อยู่บ้านเลขที่ 300/109 หมู่ 3 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี พร้อมกลุ่มผู้เสียหายกว่า 10 ราย เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ไพวรรณ ตั้นหลก พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนางสกุลศุภ คุณกัณหา อายุ 31 ปี และนายมงคล จิตตธรรม อายุ 36 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 222/446-7 หมู่ 1 ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยนำเอกสารหลักฐาน อาทิ สลิปโอนเงิน มามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายรัชยุทธกล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2556 นางสกุลศุภอ้างว่าทำงานเป็นโบรกเกอร์ธนาคารหลายแห่ง และอ้างว่ารู้จักกับผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ประจำอยู่สำนักงานใหญ่ ต้องการระดมเงินไปปิดยอดค้างชำระเงินกับทางธนาคารให้แก่บรรดาลูกค้าที่กู้เงินธนาคารแล้วยังมีหนี้ค้างอยู่ แต่อยากกู้เงินเพิ่มอีก หากลูกค้าธนาคารเหล่านี้กู้เงินใหม่ได้ก็จะนำเงินมาเป็นส่วนแบ่งคืนให้ ครั้งแรกก็ตนก็ยังไม่มั่นใจ จึงพยายามสอบถามรายละเอียดกับนางสกุลศุภ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าเป็นความลับของทางธนาคารไม่สามารถเปิดเผยได้
นายรัชยุทธกล่าวต่อว่า จากนั้นนางสกุลศุภก็มาชักชวนอีกหลายครั้ง ตนทนการรบเร้าไม่ไหวจึงยอมลงทุน 50,000 บาท แล้วก็ได้เงินคืนกลับมา 10% หรือประมาณ 5,000 บาท ต่อมานางสกุลศุภก็ได้ชักชวนให้ลงทุนเพิ่มตนจึงโอนไปให้อีกหลายครั้งรวมแล้วกว่า 4 แสนบาท ช่วงแรกๆ ก็ได้เงินส่วนแบ่งคืนมา แต่เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่ได้เงินคืนเลย เขาอ้างว่ามีลูกค้าเพิ่ม ขอเอาเงินในส่วนแบ่งของตนไปลงทุนต่อ
“ตอนหลังผมทราบว่าบรรดาเพื่อนบ้าน รวมทั้งญาติและคนสนิทของนางสกุลศุภเองต่างถูกหลอกในลักษณะดังกล่าว โดยเหยื่อบางรายนั้นนางสกุลศุภได้ทำทีพาไปที่ธนาคารดังกล่าวสำนักงานใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจนเหยื่อหลงเชื่อ สูญเงินไปกว่า 4 ล้านบาท บางรายถึงกับขายบ้าน ขายรถ กู้ยืมเงินเพื่อนำมาร่วมลงทุนด้วย รวมมูลค่าเสียหายกว่า 42 ล้านบาท เมื่อรู้ว่าถูกหลอกลวงจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความที่กองปราบปรามในครั้งนี้ แต่บางรายก็ได้แจ้งความต่อตำรวจท้องที่แล้ว” นายรัชยุทธกล่าว
ขณะที่ นางทาริกา ไชยเดช อายุ 33 ปี อดีตครูซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของนางสกุลศุภ และเป็นหนึ่งในผู้เสียหายระบุว่า นางสกุลศุภจะอ้างกับตนว่าต้องการยืมเงินไปใช้ในการทำงานซึ่งเขาเป็นโบรกเกอร์ธนาคารอยู่ ช่วงแรกที่นำเงินไปก็ยังให้คืนมา แต่หลังๆ ก็จะชวนให้ลงทุนต่อ ไม่คืนเงินให้เลย บางครั้งก็บอกว่าต้องนำเงินไปใช้จ่ายค่าดำเนินการต่างๆ นอกจากนี้ เท่าที่ทราบนางสกุลศุภยังทำธุรกิจเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก หรือเนิร์สเซอรีอยู่ในพื้นที่ ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรีอีกด้วย แล้วก็ยังชักชวนครูพี่เลี้ยงในเนิร์สเซอรีให้ลงทุนลักษณะดังกล่าวอีกด้วย
ด้าน ร.ต.ท.ไพวรรณกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ นำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป