กลุ่มตัวแทนประชาชนร้องเรียน ปอศ. ซื้อรถนำเข้าจากต่างประเทศแต่ไม่สามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้ มูลค่าความเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นายธนะเมศฐ์ แสงศรีอนันต์ อายุ 33 ปี พร้อมผู้เสียหายกว่า 30 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สรรักษ์ จูสนิท รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ ผกก.1 บก.ปอศ. และเจ้าพนักงานตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้ดำเนินคดีต่อบริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอร์เรน เทคนิค ไมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ยูโรเปียน เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด หลังได้รับความเดือดร้อนจากการที่ซื้อรถยนต์จากบริษัทตัวแทนดังกล่าวแต่ไม่สามารถนำรถยนต์ไปจดทะเบียนได้
พ.ต.อ.สรรักษ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากร้องเรียนว่า ซื้อรถยนต์ยี่ห้อออดี้ (AUDI), ซีตรอง (CITROEN), สโกดา (SKODA) ที่นำเข้าจากต่างประเทศ จากบริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอร์เรน เทคนิค ไมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และนำมาทำสัญญาเช่าซื้อกับไว้กับสถาบันทางการเงินต่างๆ แต่ปรากฏว่าระยะเวลาผ่านไปกว่า 2 ปีแล้วยังไม่สามารถนำรถยนต์ไปทำการจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบกได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อน จึงขอให้ กก.1 บก.ปอศ.ตรวจสอบรถยนต์กรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์ดังกล่าวมีการนำเข้ามาโดย บริษัท ยูโรเปียน เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด บริษัทตัวแทนนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อออดี้ (AUDI), สโกดา (SKODA) มาจากต่างประเทศ ซึ่งมีบริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอร์เรน เทคนิค ไมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ยูโร ออโต เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่เลขที่เดียวกัน คือ เลขที่ 3069/1 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง เป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ให้กับประชาชนทั่วไป ทั้งภายในโชว์รูมรถยนต์ และงานแสดงรถยนต์ (มอเตอร์โชว์) โดยประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไป มีบางรายชำระค่ารถยนต์ครบแล้ว และมีบางรายได้ทำการเช่าซื้อรถยนต์ผ่านสถานบันทางการเงินต่างๆ
พ.ต.อ.สรรักษ์กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบอีกว่ามีการขอนำเข้ารถยนต์ดังกล่าวออกมาจากคลังสินค้าในเขตปลอดอากรของกรมศุลกากรเพื่อมาแสดง เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยยังไม่ได้มีการชำระภาษีอากร ซึ่งตามเงื่อนไขแล้วต้องมีการนำกลับไปคลังสินค้าในเขตปลอดอากรเพื่อชำระค่าภาษีอากรและออกใบรับรองการนำเข้าจากกรมศุลกากร แต่ปรากฏว่าไม่ได้มีการดำเนินการตามพิธีการศุลกากรให้ถูกต้อง กลับนำมาขายให้ประชาชนทั่วไป โดยขณะที่มีการซื้อขายรถยนต์ และส่งมอบรถยนต์ให้แก่ประชาชนแต่ยังไม่มีการชำระภาษีอากรนำเข้ารถยนต์ จนปัจจุบันนี้ผู้ซื้อและผู้เช่าซื้อรถยนต์ยังไม่สามารถนำรถยนต์ดังกล่าวไปจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบกได้ โดยหลังจากนี้จะดำเนินการรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ และให้เจ้าของรถยนต์ที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์มามอบให้กับเจ้าพนักงานตำรวจ และให้ข้อมูลในกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตามคาดว่ามีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวประมาณ 200 ราย มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท
เบื้องต้นหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด ก่อนออกหมายเรียกผู้นำเข้าที่นำรถยนต์มาทำการสอบปากคำ รวมทั้งประสานข้อมูลกับกรมศุลกากรเพื่อขอข้อมูลการนำเข้ารถยนต์ในกรณีดังกล่าวทั้งหมด รวมทั้งแจ้งให้สถานบันทางการเงินต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการให้เช่าซื้อรถยนต์ ให้จัดส่งข้อมูลการเช่าซื้อ การส่งมอบรถยนต์ และเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะให้นำประกอบการพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป