xs
xsm
sm
md
lg

ตามล่ามือปืนมหากาฬฆ่าเสี่ยพระราม 9 คาเฟ่ สอบลึกปม “เบี้ยวค่าเช่าที่ดิน-ชักดาบหนี้พนัน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ชนวนการตาย “เสี่ยสมยศ” พระราม 9 คาเฟ่ อื้อ 3 ประเด็นหลัก ทั้งเบี้ยวค่าเช่าที่ดินแปลงงาม กับเบี้ยวหนี้บ่อนเพื่อนบ้าน ยันไปถึงทะเลาะหุ้นส่วนบริษัท แฉขบวนการฆ่าวางแผนมาอย่างดี รู้การเคลื่อนไหวตลอดจนเลือกใช้ปืนลูกโม่เพื่อไม่ทิ้งปลอกไว้เป็นหลักฐาน ตำรวจเร่งควนหาตัว 2 มือปืนตามภาพวงจรปิด

คดีมือปืนพระกาฬบุกยิงอดีตเจ้าพ่อวงการคาเฟ่เมืองหลวงครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ท.กู้เกียรติ จันทร์พุ่ม สารวัตรเวร สน.คลองตัน รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงตายบริเวณลานจอดรถร้านอาหาร “เฮงหูฉลาม” เลขที่ 115 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จึงเดินทางไปสอบสวนพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยพล เอกกุล ผกก.สน.คลองตัน พ.ต.ท.ธนาวุฒิ เปียผ่อง รอง ผกก.สส.สน.คลองตัน พ.ต.ท.สิริพงษ์ วรผลึก สว.สส.สน.คลองตัน พร้อมฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบศพนายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ตามบัตรประจำตัวระบุอยู่บ้านเลขที่ 495 ซอยพระรามเก้า 49 เขตสวนหลวง กทม. มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดบริเวณกลางศีรษะ 1 นัด หัวไหล่ซ้าย 1 นัด สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดอยู่ข้างรถเบนซ์ รุ่นอี 200 สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌร 3636 กรุงเทพมหานคร ในสภาพจอดติดเครื่องไว้ เป็นที่สังเกตว่าด้านท้ายฝั่งซ้ายมีร่องรอยถูกเฉี่ยวชนจนบุบซึ่งยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ เจ้าหน้าที่จึงถ่ายภาพและตรวจเก็บตัวอย่างสีไว้ตรวจสอบ

จากการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุทราบว่า หลังจากนายสมยศรับประทานอาหารเสร็จจะเดินทางกลับ ขณะนั้นมีมือปืน 2 คนที่ซุ่มรออยู่ได้เข้าประกบและจ่อยิงในระยะเผาขน 3 นัดซ้อน โดยมือปืนคนลั่นกระสุนใส่หมวกแก๊ปเห็นหน้าไม่ชัด ส่วนคนขับใส่หมวกกันน็อก หลังจากยิงอดีตเจ้าพ่อวงการคาเฟ่จนล้มกลิ้งกลางลานจอดรถจึงขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป เจ้าหน้าที่ได้เก็บภาพวงจรปิดไว้เพื่อเป็นหลักฐานติดตามมือปืนในอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับประวัตินายสมยศ สุธางค์กูร นับเป็นเจ้าของธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืนที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในอดีต นอกจากเป็นนักกฎหมายมีสำนักทนายความของตัวเองแล้วยังผันตัวมาสู่กิจการพระราม 9 คาเฟ่ ในยุคเฟื่องฟูราว 20 ปีที่ผ่านมา ในตอนนั้นมีเจ้าพ่อเบอร์ 1 ครอบครองอาณาจักรคาเฟ่อยู่ คือ นายบุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล เจ้าของ “ดาราคาเฟ่” และ “วิลล่าคาเฟ่” ตั้งอยู่ถนนพระราม 9 เช่นกัน ปรากฏว่ามีการแข่งขันชิงไหวชิงพริบกันอย่างถึงพริกถึงขิงทั้งจ้างดารานักร้อง คณะตลกมาเรียกแขกโดยสู้ค่าตัวกันอย่างไม่อั้น ถือเป็นยุคทองของกิจการคาเฟ่ ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2541 เกิดเหตุคนร้ายจ่อยิงนายบุญเลี้ยงตายคาลิฟต์ขณะกลับจากส่ง น.ส.สุพัฒตรา โยสินธร ภรรยาน้อยที่ห้องพักชั้น 12 ของอาคารนำโชคคอนโดมิเนียม ย่านรามคำแหง เป็นคดีเกรียวกราวเพราะกระแสสังคมในตอนนั้นเชื่อว่านายสมยศน่าจะอยู่เบื้องหลังหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเนื่องจากมีการกระทบกระทั่งเรื่องธุรกิจการค้าตลอดเวลา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมนายขจรศักดิ์ กลิ่นเฟื่อง มือปืนผู้ลงมือสังหาร “เสี่ยเลี้ยง” ได้โดยรับสารภาพว่าสะกดรอยนายบุญเลี้ยงมาหลายวันแล้วเนื่องจากเห็นว่ามีทรัพย์สินประดับตัวมากมายทั้งสร้อยคอทองคำ เลสข้อมือกับแหวนเพชรจึงมาดักรอกระทั่งส่งภรรยาเรียบร้อย หากนายบุญเลี้ยงไม่ขัดขืนก็คงไม่ยิง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้ต้องหามาเปิดปากสารภาพเป็นฉากๆ พร้อมของกลางครบครัน แต่สังคมรวมทั้งสื่อที่ทำข่าวในช่วงนั้นหลายต่อหลายคนก็ยังคงสงสัยแต่ไม่อาจหาพยานหลักฐานอื่นๆ มาหักล้างได้ คดีฆ่าเสี่ยเลี้ยงจึงยังคงเป็นปริศนาคาใจมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับสาเหตุอันเป็นชนวนตายของนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ผู้โด่งดังนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า ไม่น่าเกี่ยวข้องกับอดีตที่เคยตกเป็นเป้าบงการฆ่านายบุญเลี้ยง เพราะเป็นเวลาที่เนิ่นนานเกินไป อีกทั้งญาติๆ ทางฝ่ายเสี่ยเลี้ยงต่างไม่ข้องเกี่ยวกับวงการบันเทิงหรือแวดวงนักเลงแม้แต่น้อย แต่ที่น่าเป็นประเด็นก็คืออุปนิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างโผงผางไม่กลัวใคร จนมักเกิดความขัดแย้งอยู่เสมอ เช่น มีคดีฟ้องร้องกับเจ้าของที่ดินรายหนึ่งซึ่งนายสมยศไปเช่าเปิดเธค แต่เกิดปัญหาเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนและไม่มีใบอนุญาตจึงปรับปรุงมาเป็นผับโคโยตี้ “ดาวินชี่” ตั้งอยู่ปากซอยพระรามเก้า 26 ริมถนนพระราม 9 แต่ดำเนินการในระยะสั้นๆ ก็ประสบปัญหาขาดทุนจึงปิดกิจการไปแต่ยังไม่คืนเจ้าของที่ดินจนเกิดเป็นคดีฟ้อง โดยฝ่ายนายสมยศเรียกค่ารื้อถอนอาคารนับ 10 ล้าน

อีกสาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากความขัดแย้งจากบ่อนพนันชายแดนเพื่อนบ้าน ที่ในระยะหลังผู้ตายมักเดินทางไปเล่นได้เสียครั้งละมากๆ จนอาจเกิดการทวงหนี้สินกันขึ้น สาเหตุสุดท้ายที่ฝ่ายสืบสวนกำลังจับตาก็คือ ความขัดแย้งกับหุ้นส่วนรายหนึ่ง มีรายงานว่าถึงกับขู่ปองร้ายกันซึ่งในทุกเรื่อง ทุกประเด็นมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น

มีรายงานด้วยว่า สำหรับอาวุธปืนทูตมรณะที่ใช้สังหารนายสมยศนั้น ปกติมือปืนทั่วไปจะใช้ปืนออโตเมติกขนาด 9 มม. หรือขนาด 11 มม.ซึ่งหวังผลเด็ดขาด แต่ข้อเสียคือเมื่อใช้ยิงไปแล้วจะสลัดปลอกตกไว้เป็นหลักฐาน จึงเชื่อว่าการที่คนร้ายใช้อาวุธปืนลูกโม่ก็เพื่อไม่ให้ทิ้งหลักฐานสำคัญในที่เกิดเหตุ นอกจากนั้นกลุ่มคนร้ายยังทราบการเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดีถึงกับมาดักรอเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อปิดฉากชีวิตเหยื่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น