รวบหนุ่มสวิตเซอร์แลนด์ อดีตผู้บริหาร บ.น้ำมันปิโตรซาอุดิฯ สัญชาติอังกฤษ หลังพยายามแบล็กเมล์นำความลับบริษัทเก่าไปเผยแพร่ให้บริษัทคู่แข่ง แลกรับเงิน 90 ล้านบาท แต่ผู็ต้องหายังให้การปฏิเสธ
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม (รรท.ผบก.ป.) ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายซาเวียร์ แอนเดร จัสโต (Mr.XAVIER ANDRE JUSTO) อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาชาว สวิตเซอร์แลนด์ อดีตพนักงานระดับผู้บริหารของบริษัท ปิโตรซาอุดิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในข้อหาความผิดฐานความพยายามรีดเอาทรัพย์ หรือพยายามกรรโชกทรัพย์ จากบริษัท ปิโตรซาอุดิฯ พร้อมของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดหลายรายการ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักของพรรคพวก ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า คดีนี้เป็นกรณีที่บริษัท ปิโตรซาอุดิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ ทำธุรกิจน้ำมัน ได้รับความเสียหายจากผู้ต้องหา นายซาเวียร์ซึ่งเป็นอดีตพนักงานระดับผู้บริหารจึงได้มีข้อมูลความลับของบริษัทในหลายเรื่อง ต่อมานายซาเวียร์ได้มีประพฤติการณ์ขัดกับกฎของบริษัทในหลายเรื่อง ทางบริษัทจึงจ้างให้นายซาเวียร์ลาออกด้วยเงินจำนวน 140 ล้านบาท โดยมีการทำสัญญากันว่าห้ามนำข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทไปเผยแพร่หรือไปบอกให้คู่แข่งรู้เป็นอันขาด ต่อมานายซาเวียร์เกิดความละโมบได้มาเรียกร้องข่มขู่เอาเงินจากบริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 2.5 ล้านฟรังก์สวิส หรือ ประมาณ 90 ล้านบาท หากไม่ยินยอมทำตามจะมีการนำข้อมูลความลับของบริษัทไปเผยแพร่ให้บริษัทคู่แข่งรู้ โดยมีการนัดคุยกับตัวแทนบริษัทที่โรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศไทย
“หลังจากนั้นทางบริษัท ปิโตรซาอุดิฯ ไม่ได้ให้เงินกับนายซเวียร์แต่อย่างใด ผู้ต้องหาจึงนำข้อมูลไปเปิดเผยแล้วบางส่วนให้บริษัทคู่แข่ง โดยส่งข้อมูลทางอีเมลแอดเดรส ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าทางผู้ต้องหาได้รับผลประโยชน์เป็นเงินจากบริษัทคู่แข่งหรือไม่ รวมทั้งอาจมีความเป็นไปได้ว่ามีคนร่วมมือทำงานซึ่งกำลังขยายผลอยู่ กรณีดังกล่าวทางผู้ประสานงานบริษัทได้มาร้องเรียน พล.ต.อ.สมยศ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ประสานทำงานร่วมกับกองบังคับการปราบปราม ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งได้ความแน่ชัดว่าผู้ต้องหากระทำความผิดจริง จึงขออนุมัติขอหมายจับดังกล่าวและเมื่อทำการจับกุม ตรวจค้นที่บ้านพักพบข้อมูลบางส่วนของบริษัท ปิโตรซาอุดิฯ ในคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา ส่วนเรื่องที่มีข้อมูลใดบ้างขอเป็นความลับ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบแล้วเป็นภาษาอังกฤษ ผู้ต้องหาเข้าใจข้อกล่าวหา” พ.ต.อ.อัครเดชกล่าว และว่าผู้ต้องหาเข้ามาอยู่ในประเทศไทยด้วยหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยว และผู้ต้องหาได้โดนดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และทางอาญาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอังกฤษ ด้วย
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานเอาผิดแน่นหนา โดยภายหลังการแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปรามดำเนินคดีต่อไป