ผบ.ตร. ย้ำยังคงเดินหน้าสนับสนุนนโยบายเปิดบ่อนเสรี เปลี่ยนชื่อเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เตรียมเปิดเว็บไซต์ระดมความคิดเห็น 1 ก.ย. นี้ ย้ำเป็นความคิดเห็นส่วนตัว เสนอความเห็นต่อสังคมหากไม่มีใครเอาด้วยก็จบ
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีเสนอรัฐบาลเปิดบ่อนกาสิโนเสรี ว่า เมื่อช่วงเช้าได้มีการเข้าร่วมประชุมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในโครงการกิจกรรม “bike for mom ปั่นเพื่อแม่” ก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วนที่หลายกลุ่มออกมาแสดงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของตนนั้น วันนี้ขอเปลี่ยนไม่ใช้คำว่ากาสิโน บ่อนเสรี หรือ บ่อนถูกกฎหมาย เอาว่าเป็นลักษณะเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจจะเป็นรูปแบบโรงแรมหรูสัก 4 - 5 พันห้อง มีห้องประชุมใหญ่ซึ่งมีชาวต่างชาติสามารถมาใช้ หรือมาเช่าประกอบกิจกรรมต่างๆ และในนั้นอาจจะมีกิจกรรมเอ็นเตอร์เทนเมนต์หลายๆ รูปแบบ รวมทั้งมีบ่อนการพนันอยู่ในนั้น ตรงนี้เพื่อเป็นแหล่งหรือใช้เป็นสถานที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ เพื่อเป็นช่องทางที่จะนำเงินเข้า หรือรายได้สู่ประเทศ เพราะเป็นธุรกิจเสริม แต่ละประเทศถ้าจะให้มีจุดแข็งครบสำหรับการท่องเที่ยว จะต้องมีอาหารดี สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และก็มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่ดี แต่ถ้าเรามีสถานที่ที่ใช้เล่นการพนันที่มีขอบเขตจำกัด ในเบื้องต้นเราอาจจะไม่อนุญาตให้คนไทยเข้าไปเลยก็ได้ ให้เข้าเฉพาะชาวต่างชาติ และใช้เวลา 1 - 2 ปี ศึกษาว่าควรจะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงอย่างไร นี่คือ แนวความคิด และที่มาที่ไปต้นเหตุของความคิดตน คือ ปัจจุบันมีบ่อนการพนันทั่วไปหมด ถึงแม้ คสช. เอาจริง ก็ยังมีอีกเยอะแยะ ตำรวจจับได้ก็ดี จับไม่ได้ก็ดี จับได้ก็หาว่ามีบ่อนและเจ้าหน้าที่มีส่วนได้เสีย มีส่วนและสินบน จับไม่ได้ก็หาว่าปล่อยปละละเลย ถ้ามีสิ่งนี้เกิดขึ้นผมเชื่อว่าจะทำให้ภาระหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องทุ่มเทไปกับเรื่องการพนัน เอาเวลาไปทำหน้าที่อย่างอื่น ไปดูแลความผาสุกความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนจะดีกว่า
“ผมเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา มีก็ถูกด่า ไม่มีก็ถูกด่าจับได้ก็ถูกด่า จับไม่ได้ก็ถูกด่า และสุดท้ายตนก็ต้องมาเซ็นออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นมาช่วยราชการ ให้มาช่วยก็ถูกมองว่าครบ หรือไม่ครบ 3 เสือ 5 เสือ ผู้กำกับโดน ทำไมผู้บัญชาการไม่โดน มีปัญหามาโดยตลอด เพราะฉะนั้นเพื่อแก้ปัญหาอย่างครบวงจร แล้วตัดเรื่องส่วนเรื่องสินบนออกไป วันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องมาด่าตำรวจอีกว่ามีส่วย สินบน และรายได้กับบ่อนที่ผิดกฎหมาย การที่ตนเสนอแนวความคิดนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับที่ตนเป็น ผบ.ตร. แล้วจะไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็นอะไรเลย ไม่งั้นตนคงอึดอัดตาย จริงๆ แล้วตนไม่อยากจะพูดในห้วงเวลานี้ ที่ผ่านมาเคยคุยกับน้องๆ สื่อ ว่า เดือนสุดท้ายของการรับราชการ ตนจะตั้งโต๊ะและให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ ว่าตนคิดยังไงกับเรื่องเหล่านี้ แต่พอดีมีประเด็นและน้องๆ สื่อมาถาม ตนก็เลยพูดออกไปและพูดให้ฟังถึงความรู้สึก เพราะอะไรตนถึงสนับสนุนตรงนี้” ผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนได้เห็นผลการศึกษา และผลการวิเคราะห์ของ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ว่า ในหนึ่งปีคนไทยนำเงินออกไปเล่นการพนันในต่างประเทศ 4 - 5 แสนล้านบาท และเงินเหล่านั้นก็เอาไปพัฒนาประเทศ ถามว่าทำไมเราไม่เก็บเงินตรงนี้ไว้ในประเทศ แต่ถ้าสิ่งที่ผมกำลังพูดและมีการสนับสนุนนี้ รัฐบาลต้องชัดเจนว่าเงินที่ได้เอาไปทำอะไร ตนถามว่าถ้ารัฐบาลบอกว่าเงินเท่านั้นเอาไปช่วยเหลือพี่น้องชาวไร่ชาวนา เกษตรกร หรือ คนยากจนเป็นค่ารักษาพยาบาลและรักษาฟรี ช่วยเหลือการศึกษา และเป็นทุนเรียนดีแต่ยากจน และเงินส่วนที่เหลือเอาไปพัฒนาประเทศ ตนถามว่าพี่น้องชาวไร ชาวนา ชาวสวน คนยากคนจนจากการรักษาพยาบาลฟรี การศึกษาฟรีที่จะได้รับอานิสงส์จากเงินตรงนี้ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร รัฐบาลต้องชัดเจน สมมติว่า ถ้าถึงปีได้เงินมาแสนล้านบาทแล้วเอามาเฉลี่ยไปช่วยชาวไร่ชาวนา เขาจะกดไลก์ให้ผมแค่ไหน แต่เขาจะกดเป็นหรือไม่เท่านั้นแหล่ะ เพราะผมเห็นประเทศที่เจริญและเศรษฐกิจดีต่อประเทศไทยยังมี และประเทศรอบบ้านเราก็คงรู้ว่าเงินคนไทยทั้งนั้นแหล่ะที่ไปพัฒนาประเทศเขา
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า ตนได้ยินและได้ฟังมาว่ามีผู้นำประเทศใกล้ๆ บ้านเราท่านหนึ่ง ได้พูดไว้ในขณะที่ยังดำรงชีวิตอยู่ว่าสิ่งหนึ่งที่เสียใจมากที่ทำช้าไป คือ การเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไปศึกษาเอาว่าผู้นำภูมิภาคนี้ได้พูดเรื่องนี้ไว้คือใคร เพราะฉะนั้นก็ลองศึกษาดู ไม่จำเป็นต้องเชื่อตน เนื่องจากเป็นความเห็นส่วนตัว ตนได้คิดไตร่ตรองและเชื่อว่าที่พูดสิ่งนี้ออกไปจะต้องมีกระบวนการ มีบุคคล มีกลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านตนเองแน่ ตนก็คิด และก็เข้าใจและมีการคาดตะเนไว้แล้วว่าคนที่มาต่อต้าน คงไม่ได้มาต่อต้านด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ หรือไม่มีเบื้องหลังทุกคน แต่บางคนก็อาจต่อต้านหรือคิดต่างเพราะมีความคิดแบบนั้น ก็ไม่ว่าก็อย่าทะเลาะกัน
“เมื่อท่านเห็นไม่ชอบ ผมเห็นชอบก็แสดงความคิดเห็น แสดงเหตุผล แต่ก็จะมีบุคคลกลุ่มหนึ่งมาแบบมีนัยยะ คนกลุ่มนั้นคือคนที่ได้รับการสนับสนุนจากคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องนี้ในประเทศรอบบ้านเราเนี่ยแหล่ะ เพราะว่าเมื่อใดเมื่องไทยมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กที่ตนพูดมา เขาจะได้รับความเสียหาย เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้มีขึ้นไม่ได้ มีผู้ประกอบธุรกิจประเภทนี้บอกให้ตนฟังว่า เดินข้ามด้านตรวจคนเข้าเมืองไปประมาณ 30 เมตร ก็ถึงกาสิโนแล้ว เขาบอกว่าในบ่อนกาสิโนนั้นมีคนไทย 70% คนจีน 30% คนพื้นเมืองไม่มีเลย มีแต่คนพื้นเมืองที่ทำหน้าที่ในสถานที่แห่งนั้นเท่านั้น และผมถามว่าแค่ 30 เมตร เขาเอาเงินไทยไป 4 - 5 แสนล้านบาท เราคนไทยแท้ๆ แต่ไม่รู้จักเก็บรักษาเงินตรงนี้ไว้” ผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในเบื้องต้นไม่อยากให้คนไทยเล่น ก็เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ให้ชาวต่างชาติเล่น และเมื่อมีมาตราการหรือระเบียบอะไรก็แล้วแต่จนสามารถควบคุมคนไทยได้จึงปล่อยให้เขาเล่น เรื่องนี้ตนพูดในหลักการ ส่วนวิธีการต้องไปคิด ถ้าสมมติเห็นดีงาม วิธีการ หรือรายละเอียดต้องไปคิดกันอีกที พูดในภาพกว้างๆ เอาแค่ควรมีหรือไม่ควรมี เพราะอะไร ไม่ควรมีเพราะกลัวคนไทยจะเข้าไปเล่นทำให้มอมเมา มาตรการที่จะแก้ไขตรงนี้มีอยู่แล้ว อย่างที่ตนยกตัวอย่างว่ามีทางใต้กับมีทางเหนือ คนทางเหนือก็อย่าไปเล่นทางเหนือให้ไปเล่นทางใต้ อันนี้คือวิธีการ คนที่จะเข้าต้องเก็บเงิน เหมือนประเทศสิงคโปร์ ถ้าคนสิงคโปร์จะเข้าไปเล่นให้เล่นครั้งละ 24 ชม. 1 เดือน ให้เล่น 2 ครั้ง ตนถามว่าจะไปมอมเมาตรงไหน 1 เดือน ให้เล่น 2 ครั้ง เขาก็มีวิธีการของเขา เราก็ไปดูไปศึกษามา ถ้าอยากจะให้มี แต่ถ้าไม่ให้มีตนก็ไม่ได้ว่าอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วย เพราะผู้นำประเทศไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของท่าน พล.ต.อ.สมยศ กล่าว ตนก็ทำของตนต่อ ใครจะบังคับได้ อันนี้เป็นความคิดส่วนตัว บอกแล้วไงว่าเรื่องส่วนตัว ถึงจะเห็นด้วยจะคัดค้านยังไง วันที่ 1 ก.ย. 2558 ตนเปิดเว็บไซต์แน่นอน เรื่องของตน ตนมีสิทธิเสรีภาพที่จะทำ ใครจะมาห้ามตน ตนทำในฐานะเป็นคนไทยคนหนึ่ง ตนก็คิดได้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ตนก็เสนอมากับสังคม ไม่เอาด้วยก็จบ จริงๆ จะเอาหรือไม่เอาก็ไม่ใช่เรื่องของตน เพราะตนไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่ให้มี หรือไม่ให้มี เพียงแต่ตนอยากจะเสนอแนวความคิด และก็จะปลดพันธนาการเพื่อนข้าราชการตำรวจที่ว่ามีส่วยมีสินบนในบ่อนการพนัน
เมื่อถามว่า หากปล่อยให้มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จริง จะจัดการดูแลในเรื่องผลกระทบที่จะตามมาอย่างไร พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมมีอยู่แล้ว อย่างที่ตนบอกว่าคนที่เล่นไม่สามารถทำให้หมดไปจากสังคมนี้ ถึงแม้มีสิ่งนี้อยู่ก็ตาม คนเล่นระดับล่างก็ยังเล่นอยู่ อย่างที่มีบ่อนเตาปูน บ่อนลอยฟ้า ก็เป็นคนอีกระดับไปเล่น ส่วนคนที่ไปเล่นตามคิวสามล้อ และมอเตอร์ไซค์ ถ้านึกสนุกก็เล่นกัน ห้ามไม่ได้ เพราะว่าว่างก็หยิบไฮโลว์ขึ้นมาเขย่า เจอกันเกี่ยวข้าวเสร็จพอรับค่าแรงเสร็จก็กินเหล้าและก็เอาไฮโลว์มาเขย่ากันก็ยังมีอยู่ แต่ตนพูดถึงไม่อยากให้เงิน 4 - 5 แสนล้านบาทต่อปี ไปอยู่กับประเทศอื่น
เมื่อถามย้ำแสดงว่า กลุ่มบ่อนเตาปูน และ บ่อนลอยฟ้า คัดค้านการเปิดบ่อน ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนไม่รู้และแค่ยกตัวอย่าง เพราะตอนนี้บ่อนเตาปูนและบ่อนลอยฟ้าก็ไม่มี ทุกคนก็ไปเล่นที่ประเทศเพื่อนบ้านหมด เงินเราก็ไปหมด ไม่ว่าจะประเทใกล้หรือไกลก็ไปเล่นกัน นี่คือ สิ่งที่ตนอธิบายต่างหาก ตนไม่ได้หมายความว่า บ่อนเตาปูนจะมี ตนบอกแล้วว่าเมืองไทยมีจุดแข็งครบ 4 อย่าง ในขณะที่ประเทศอื่นเขาไม่มีตรงนี้ แต่เราขาดอยู่อย่างเดียว คือ กาสิโน นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ อาหาร แหล่งชอปปิ้ง มีหมด ที่อื่นเขามีในสิ่งที่เราไม่มี ยกตัวอย่างเช่นมาเก๊า มีกาสิโน มีแหล่งชอปปิ้ง ถามว่าสถานที่ท่องเที่ยงเชิงธรรมชาติมีหรือไม่
ต่อข้อถามว่าหลังจากวานนี้ (17) ให้สัมภาษณ์เรื่องกาสิโน มีใครสนับสนุน ผบ.ตร. บ้าง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ยังไม่มีใครพูดกับตนว่าไม่เห็นด้วยเลยเอาแบบนี้ดีกว่า วันนี้ได้เข้าประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีแต่คนเดินมาจับมือตน ขอไม่เอ่ยชื่อ ถามต่อว่านายกรัฐมนตรีเห็นด้วยหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวด้วยน้ำเสียงหัวเราะว่า หลบๆ หน้าท่านอยู่ อย่าเอาท่านนายกฯมายุ่ง นายกฯเป็นผู้นำรัฐบาล และก็ไม่เกี่ยวกับสิ่งนี้และสิ่งที่ตนแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะ ตนเสนอแนะในฐานะคนไทยคนหนึ่ง แต่บังเอิญเป็น ผบ.ตร. ถึงมีน้องๆสื่อมาทำข่าว ถ้าเป็นนายสมยศ น้องๆ สื่อก็ไม่ทำข่าว ตนพูดเพราะว่าอยู่ตรงนี้และมองเห็นปัญหา
เมื่อถามว่า ถ้าหลังเกษียณ และได้ดำรงตำแหน่งในการเมือง จะผลักดันเรื่องนี้เป็นรูปธรรมหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อยู่ที่ไหนก็สนับสนุน ไม่ต้องไปมีตำแหน่งทางการเมือง หรืออะไรหรอก อันนั้นไกลเกินฝัน เพราะตนสนับสนุนมาตั้งแต่ต้น ตนศึกษาเรื่องนี้มาเกือบ 30 ปี ถามต่อว่าถ้าเรื่องนี้ทำได้จริงจะมีผลประโยชน์มหาศาลจะมีวิธีป้องกันไม่ให้เงินนี้ตกไปอยู่ในขั้วอำนาจต่างๆ ผบ.ตร. กล่าวว่า อันนั้นเป็นเรื่องในรายละเอียด ถ้าให้หน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นเจ้าของ
เมื่อถามว่า ในส่วนของเว็บไซต์ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนก็จะเขียนเรื่องที่พูดออกมาว่าดีอย่างไร ส่วนคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นไม่ดี ก็ต้องเคารพในความคิดเห็นเขา ตนไม่ได้ว่า บอกแค่ว่าอย่าทะเลาะกัน ทุกคนหวังดีกับประเทศชาติ เพียงแต่อยู่คนละมุม ตนไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ตนก็พูดของตนไปว่าเห็นดียังไง คุณว่าไม่ดีก็ว่ามาสิไม่ดียังไง จริยธรรม ศีลธรรม ไม่ดี ก็กินจริยธรรม ศีลธรรม ไปละกัน
เมื่อถามว่าคนที่ออกมาคัดค้านส่วนใหญ่มองว่าเงินที่ได้่จากตรงนี้เป็นเงินสกปรก พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อย่าพูดเลย มีเงินที่ไหนสะอาดหมด คนที่ออกมาพูดว่าเงินสกปรก บางทีมาจากไหนใครจะไปรู้ เงินสกปรกที่จะต้องสูญเสียไปนอกประเทศ แต่เราเก็บไว้เอามาช่วยเหลือคนยากจน คนที่ด้อยโอกาส ตนไม่รู้ว่าประชาชนผู้มีวุฒิภาวะก็คิดกันเอง แต่ไม่ต้องตามตนนะ ตนแค่แสดงความคิดเห็น อยากจะพูดอยากจะแสดงความคิดเห็น เมื่อถามต่อว่าเรื่องนี้หลายฝ่ายมองว่าให้รัฐบาลดำเนินการดีที่สุด ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่รู้ตนบอกในเรื่องเบื้องต้นแค่จุดประกายหรือเสนอแนวความคิดว่าควรจะมี แต่มียังไงเนี่ยต้องไปคิดกันให้ละเอียด
เมื่อถามว่า การทำเว็บไซต์จะเป็นการชี้ชวน พล.ต.อ.สมยศ กล่าว ก็มีเยสกับโน เอากับไม่เอา ไม่ได้ชี้ชวน แต่ในสิ่งที่ตนพูดชี้ชวนอยู่แล้ว ตนพูดแต่ในสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่ไม่ดีตนไม่รู้ เพราะไม่เคยศึกษา เพราะตนเห็นว่ามันดี ไม่เห็นหรือว่าประเทศสิงคโปร์รวยเอาๆ
เมื่อถามว่า หลังเกษียณมีโอกาสไปจับงานด้านธุรกิจ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนไม่อยู่เฉยๆ หรอก ตนคิดว่ามีอะไรทำอีกเยอะ เพราะอยู่เฉยๆ ไม่เป็น เมื่อถามต่อว่าธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือธุรกิจในใจ ผบ.ตร. หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนทำมาตั้งแต่เป็น ร.ต.ต. แต่พอถึงจุดหนึ่งว่ามันเป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิตราชการดูไม่ดีเท่านั้นตนก็หยุด อย่าลืมว่าตนเป็นเจ้าพ่อคาเฟ่เก่า