ตำรวจคุม “อดีตกรมวังผู้ใหญ่” แอบอ้างเบื้องสูงตั้งเป็นบอร์ด ปตท.และ กสท. พร้อมค้านประกัน ชี้ต้องสอบพยานเพิ่ม อัตราโทษสูง เกรงจะหลบหนี ก่อนรับตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ พนักงานสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ควบคุมตัว นายมนตรี โสตางกูร หรือหลุยส์ อายุ 53 ปี อดีตกรมวังผู้ใหญ่ประจำสำนักพระราชวัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีแอบอ้างเบื้องสูง มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12-23 มิ.ย. 2558 เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษผู้ต้องหา
พนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนระบุว่า หากศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาในวันนี้ พนักงานสอบสวนจะขอรับตัวผู้ต้องหาไปควบคุมต่อ ที่หน่วยฝึกทหารใหม่ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. เนื่องจากคดีนี้มีการกระทำผิดในหลายท้องที่ และมีความจำเป็นต้องนำผู้ต้องหาไปชี้แหล่งซุกซ่อนทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อยึดมาเป็นของกลาง ประกอบการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลเดียวกับผู้ต้องหาในคดี พ.1265/2558
ขณะที่คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อต้นเดือน ก.ย. 2554 ผู้ต้องหาขณะนั้นเป็นกรมวังผู้ใหญ่ ประจำสำนักพระราชวัง เข้าไปพบนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ขณะนั้นเป็น รมว.พลังงาน ซึ่งผู้ต้องหาได้แอบอ้างเบื้องสูงเพื่อไปเป็นกรรมการหรือบอร์ด บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ทำให้นายพิชัยได้เสนอชื่อผู้ต้องหาต่อ บมจ.ปตท.จนได้รับแต่ตั้งเป็นกรรมการ บมจ.ปตท. การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ
ต่อมาเดือน พ.ค. 2558 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช.ให้สืบสวนหาข่าวและดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้ทำการสืบสวนสอบสวนและพบว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดจริง จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ต่อมาศาลอาญาได้ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2558
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการการปราบปรามได้จับกุมผู้ต้องหารายนี้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 58 จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นประมาทรัชทายาท, เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่ง โดยตนเองไม่ได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์มิควรได้สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 148, พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เหตุเกิดที่กระทรวงพลังงาน แขวงและเขตจตุจักร กทม.
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ชยุต พนักงานสอบสวน ยังได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีแอบอ้างเบื้องสูง พ.1265/2558 ในความผิดเดียวกันนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 148, พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 จากพฤติการณ์เดียวกัน กรณีเมื่อเดือน ก.ย. 54 นายมนตรี ผู้ต้องหาได้แอบอ้างถึงสถาบันกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เพื่อให้ได้รับแต่งตั้งเป็นบอร์ดบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เหตุเกิดที่กระทรวง ไอซีที ซึ่งชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน
โดยพนักงานสอบสวนขออำนาจศาลฝากขัง เนื่องจากต้องสอบสวนพยานเพิ่มอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาเช่นเดียวกัน
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านแล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาเวลา 12.30 น. พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปทันทีเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กระทรวงพลังงานต่อไป
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.6 ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมตัวนายมนตรี โสตางกูร หรือ หลุยส์ อายุ 53 ปี อดีตกรมวังผู้ใหญ่สำนักพระราชวัง อดีตกรรมการบอร์ดการปิโตเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ส่งให้คณะพนักงานสอบสวนพื้นที่ สน.บางรัก สน.ทุ่งสองห้อง สน.ทองหล่อ และสน.บางซื่อ สอบปากคำเพิ่มเติมที่บช.น. กรณีถูกศาลอนุมัติหมายจับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 และข้อหาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ภายหลังจากถูกควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กระทรวงไอซีที ท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง กระทรวงพลังงาน ท้องที่ สน.ทองหล่อ และฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญา รัชดา ใช้เวลาสอบสวนประมาณ 3 ชม. จึงเสร็จสิ้น
พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. ฐานะผู้ช่วยโฆษก บช.น. เปิดเผยว่า ได้นำตัวนายมนตรี กลับมาที่ บช.น. เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมและทำสำนวนที่ผู้ต้องหานำไปชี้จุดประกอบคำรับภาพเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ต่อมาเวลา 18.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายมนตรี ขึ้นรถตู้ตำรวจสีขาว ที่จอดรอรับอยู่ที่ด้านหลังอาคาร บช.น. ไปคุมขังต่อที่ สน.ธรรมศาลา และวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ในช่วงเช้า พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. จะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดที่เหลืออีก 2 จุด คือ ธนาคารที่ใช้รับโอนเงินใกล้กับ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ท้องที่ สน.ทองหล่อ และธนาคารที่ใช้รับโอนเงิน ท้องที่ สน.บางรัก