ผบ.ตร.แถลงจับ “มนตรี โสตางกูร” กรมวังอดีตพระวรชายาฯ แอบอ้างเบื้องสูงตั้งเป็นบอร์ด ปตท. นำตัวส่งพนักงานสอบสวน คาดใช้เวลาทั้งวัน พบมี 4 หมายจับ กระทำความผิดใน 4 ท้องที่ เตรียมฝากขังพรุ่งนี้ พร้อมค้านประกันตัว
วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองปราบปราม (รรท.ผบก.ป.) พร้อมกำลังตำรวจคอมมานโดควบคุมตัว นายมนตรี โสตางกูร อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงมาส่งมอบให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณคุณ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร., พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมรับมอบตัว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่กองปราบปรามได้จับกุมนายมนตรีตามหมายจับของศาลอาญา และศาลอาญากรุงเทพใต้ รวม 4 หมายจับ แล้วนำตัวมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน บช.น.ในฐานะเจ้าของคดี เพื่อดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายมนตรี ตามความผิดข้อหาหมิ่นเบื้องสูง, เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน, เป็นเจ้าพนักงานจูงใจหรือข่มขืนใจให้บุคคลอื่นให้สินบน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 148, 149 และ 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 และ123/1 โดยพบการกระทำความผิดใน 4 ท้องที่ได้แก่ สน.บางซื่อ, ทุ่งสองห้อง, บางรัก และทองหล่อ
“ได้นำตัวผู้ต้องหาไปให้แพทย์ตรวจร่างกายและพบว่ามีร่างกายปกติ จากนี้จะนำไปให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำต่อที่ บช.น. คาดว่าจะใช้เวลาตลอดทั้งวันเนื่องจากมี 4 หมายจับ ส่วนจะให้การอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับผู้ต้องหา หากให้การสารภาพก็จะมีการทำแผนประกอบการรับสารภาพ คาดว่าพรุ่งนี้จะนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำ รวมทั้งจะทำหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากเป็นคดีที่ข้าราชการทุจริต เพื่อขอสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการส่วน ป.ป.ช.จะให้หรือไม่ก็แล้วแต่ ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้สัปดาห์หน้า” ผบช.น.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวตามเงื่อนไขในกฎหมายที่ผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ส่วนจะมีการขยายผลไปถึงผู้ใดหรือไม่นั้นต้องรอฟังผลการสอบสวนก่อน และหากพบว่าคดีนี้เข้าข่ายมูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดนั้นมีอะไรบ้าง และมีจำนวนเท่าใด
ต่อมา เมื่อเวลา11.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุวิมล รรท.ผกก.ปพ.บกป. พร้อมด้วย หน่วยคอมมานโด จำนวน 9 นาย ควบคุมตัวนายมนตรี โสตางกูร หรือ หลุยส์ อดีตกรมวังผู้ใหญ่สำนักพระราชวัง อดีตกรรมการบอร์ดการปิโตเลียมแห่งประเทศไทย(ปตท.) ส่งให้คณะพนักงานสอบสวนพื้นที่สน.บางรัก สน.ทุ่งสองห้อง สน.ทองหล่อ และสน.บางซื่อ สอบปากคำเพิ่มเติมที่บช.น. กรณีหลังถูกศาลอนุมัติหมายจับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 และข้อหาใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ภายหลังจากที่แถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดยใช้เวลาสอบสวนประมาณ 2 ชม.
พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า เรื่องการสอบปากคำนายมนตรี โสตางกูร หรือ หลุยส์ อายุ 53 ปี อดีตกรมวังผู้ใหญ่สำนักพระราชวัง อดีตกรรมการบอร์ดการปิโตเลียมแห่งประเทศไทย(ปตท.)นั้น เบื้องต้นจะต้องให้แพทย์ตรวจร่างกายให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นค่อยสอบปากคำ และจะรายงานให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.รับทราบ ซึ่งจะทำการสอบสวนทีละคดี เนื่องจากผู้ต้องหากระทำความผิดมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งแต่ละคดีใช้เวลาการสอบสวนกว่าชั่วโมงครึ่ง หากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพในพื้นที่ สน. และฝากขัง หรือหากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก็จะควบคุมตัวฝากขังก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่าภายหลังการสอบสวนเสร็จจะคุมตัวนายมนตรีไปฝากขังในพื้นที่บก.น.2 โดยในวันพรุ่งนี้จะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่กระทรวงพลังงาน ท้องที่ สน.บางซื่อ กระทรวงไอซีที ท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง ธนาคารที่ใช้รับโอนเงินใกล้กับ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ท้องที่ สน.ทองหล่อ และจุดที่มีการรับเงิน ท้องที่ สน.บางรัก จากนั้นจะนำตัวนายมนตรีไปฝากขังที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ในช่วงบ่ายต่อไป
สำหรับคดีนี้นายมนตรีเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 4 หมาย ในข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่นรัชทายาท (หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) ,เป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาซึ่งทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ,เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบ หรือมิชอบด้วยหน้าที่ ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 148, 149, 157 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 และ123/1
