“ดีเอสไอ” แถลงคืบหน้าสหกรณ์ฯ คลองจั่น เผยค้นอาคารยูทาวเวอร์ ที่พักอดีตประธานสหกรณ์ “ศุภชัย” พบโฉนดที่ดิน 680 ฉบับ เตรียมเปิดเซฟที่ยึดได้พฤหัสฯ นี้ เผยจากการสอบปากคำ “ธัมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีชื่อรับเช็คจากสหกรณ์ด้วย
วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 และพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินและการธนาคาร ร่วมกันแถลงผลการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ครั้งที่ 14/2558
นางสุวณากล่าวว่า สืบเนื่องจากพนักงานสอบสวนได้รับอนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเพื่อเปิดอาคารยูทาวเวอร์ ชั้น 2 ที่พักอาศัยของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น จากการตรวจสอบพบเอกสารพยานหลักฐานประกอบด้วย สำเนาโฉนดที่ดิน เอกสารตัวจริง น.ส.3 ก.ของนายศุภชัย และผู้เกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะไปเปิดเซฟของนายศุภชัยในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ เวลาประมาณ 10.00 น. โดยจะดูว่าภายในเซฟดังกล่าวมีอะไรอยู่บ้าง
ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้ชี้แจงให้ที่ประชุมทราบกรณีสอบปากคำพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกายซึ่งมีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย โดยหลังจากนี้เราจะดำเนินการสอบสวนเปรียบเทียบกับทางวัดที่มีการทำบัญชีทางการเงินที่ชัดเจน และจะประสานกรมศาสนา เพื่อขอดูหลักเกณฑ์การรับเงินบริจาคว่าจะต้องมีการจัดทำบัญชีด้วยหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบวัดที่มีการทำบัญชีที่ถูกต้อง เพื่อนำมาเปรียบเทียบการทำบัญชีของวัดธรรมกาย
อย่างไรก็ตาม เราได้ดำเนินการสอบสวนพยานที่มีชื่อรับเช็คจาก นายศุภชัย จำนวน 878 ฉบับ เสร็จแล้ว จำนวน 50 ปาก และสามารถตัดเช็คได้กว่า 500 ฉบับ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 300 ฉบับนั้น อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากทางธนาคาร ทั้งนี้ในส่วนของพระธัมมชโย ดีเอสไอจะเชิญพระมหาบุญชัย จารุทัตโต ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชีวัดธรรมกาย มาสอบปากคำอีกครั้ง เพราะพระธัมมชโยให้การว่าไม่ทราบว่าเมื่อมีการรับเงินแล้วทางวัดนำเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง
“สัปดาห์นี้เราพร้อมส่งข้อมูลการสอบสวนพยานในส่วนของนิติบุคคล จำนวน 50 ปาก ให้กับอัยการคดีพิเศษ ส่วนความคืบหน้าในการนัดสอบพยานที่เหลือนั้น เราได้นัดหมายพยานล่วงหน้าไปอีก 10 ปากแล้ว ทั้งนี้ หากการสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องเส้นทางการเงิน ถ้าพบเกี่ยวทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เราจะเสนอให้ทางสหกรณ์ฯ คลองจั่นได้ทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” ผบ.สำนักคดีการเงินฯ กล่าว
ขณะที่ พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ไปตรวจค้นสถานที่ทำงานของนายศุภชัย ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารยูทาวเวอร์ จากการตรวจค้นพบเอกสาร น.ส.3.ก.จำนวน 680 ฉบับ ซึ่งเจ้าของโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นของอดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น แต่เอกสารเหล่านี้ถูกเก็บไว้ที่ทำงานของนายศุภชัยทั้งหมด อีกทั้งเอกสารดังกล่าวเป็นของจริงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ให้พนักงานสอบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เนื้อที่ประมาณ 1,616 ไร่ มูลค่า 116 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้เราจะดำเนินการส่งคืนให้กับทางสหกรณ์ฯ คลองจั่นต่อไป
นอกจากนี้ เรายังตรวจพบสำเนาโฉนดที่ดินซึ่งเป็นชื่อของนายศุภชัย 14 แปลง เนื้อที่ 130 ไร่ และที่ดินที่เป็นชื่อของนายศุภชัย กับพวก รวม 3 แปลง รวมทั้งสิ้น 304 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ส่วนที่เป็นชื่อของสหกรณ์ฯ คลองจั่น จากการตรวจสอบพบอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สมุทรปราการ จ.จันทรบุรี และจ.ปทุมธานี รวม 12 แปลง เนื้อที่ 78 ไร่ และอยู่ที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา 1,014 ไร่ รวมทั้งหมด 1,527 ไร่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสำเนาเอกสาร โดยเราจะต้องดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของที่มาที่ไปอีกครั้ง ก่อนดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ผบ.สำนักคดีพิเศษอาญา 3 กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีทนายความของสหกรณ์ฯคลองจั่น ได้นำคำสั่งของศาลแพ่งมาให้ดีเอสไอทำการถอนอายัดที่ดินของบริษัท เอมโฮม เอสพีวี 2 จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นั้น ขณะนี้ทางดีเอสไอยังไม่มีมติให้ถอนอายัด เนื่องจากกรณีดังกล่าวติดขัดในข้อกฎหมาย เพราะก่อนหน้านี้ดีเอสไออายัดที่ดินดังกล่าวไว้ในส่วนของคดีอาญาไม่ใช่คดีแพ่ง ดังนั้น ดีเอสไอจึงตั้งคณะอนุกรรมขึ้น เพื่อพิจารณาในประเด็นนี้ว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยคาดว่าจะรู้ผลภายใน 2 สัปดาห์
เมื่อผู้สื่อข่าวถาม กรณีที่มีการเรียกนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ในฐานะที่มีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัยจำนวน 2 ครั้ง มูลค่าประมาณ 20 กว่าล้านบาท ช่วงระหว่างปี 2552-2555 มาสอบปากคำในวันนี้ พ.ต.ท.ปรกรณ์กล่าวว่า นายสัมฤทธิ์ได้ขอเลื่อนนัดการให้เข้าปากคำออกไปเป็นวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. โดยยืนยันกับพนักงานสอบสวนว่าจะเดินทางมาให้ปากคำในฐานะพยานด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม เรากำลังตรวจสอบว่านายสัมฤทธิ์อาจจะอยู่ในกลุ่มเดียวกับของนายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ด้วย ในลักษณะของการทำธุรกิจร่วมกัน ทั้งนี้ต้องขอให้เราสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานก่อน