“ดีเอสไอ” พบ 3 ลายมือชื่อบุคคลใน 9 สัญญาเงินกู้ปลอม มูลค่ากว่า 4,200 ล้านบาท เตรียมเรียกนายหน้าซื้อที่ดินกว่า 2,000 ไร่ ให้ “ศุภชัย” มาสอบปากคำสัปดาห์หน้า ด้านทนาย “ธัมมชโย” ยื่นใบรับรองแพทย์แจงอาการป่วย
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวะกุล ผอ.ส่วนตรวจ 2 สำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนร่องรอยทางการเงิน และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ร่วมแถลงผลการประชุมเพื่อติดตามการดำเนินคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ครั้งที่ 12/2558 โดยมีนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธาน
พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวว่า ภายหลังที่ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเข้าให้ปากคำ โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 พ.ค.) นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความส่วนตัวของพระธัมมชโยได้เดินทางมายื่นหนังสือชี้แจงขอเลื่อนเข้าให้ปากคำ พร้อมยื่นเอกสารใบรับรองแพทย์จากสหคลินิครัตนเวช ตั้งอยู่เลขที่ 23/2 ม.7 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมี ร.ท.นพ.ชูชัย พรพัฒนาพันธุ์ เป็นผู้ออกใบรับรองแพทย์ ในใบรับรองแพทย์ระบุว่าพระธัมมชโยมีอาการป่วยหลอดเลือดดำใหญ่อุดตันที่บริเวณโคนขา และเป็นแผลจากโรคเบาหวาน จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนได้ ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะเชิญ ร.ท.นพ.ชูชัย มาสอบปากคำว่าพระธัมมชโยมีอาการป่วยตามที่ในใบรับรองแพทย์ระบุหรือไม่ หากมีอาการป่วยจริงทางดีเอสไออาจจะต้องส่งพนักงานสอบสวนไปดำเนินการสอบปากคำที่วัดพระธรรมกาย
ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กล่าวอีกว่า สำหรับคดีที่ 146/2556 ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วนั้น พบว่ามีพฤติกรรมและผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ที่ประชุมจึงมีมติว่า ความผิดใดที่มีพยานหลักฐานครบสมบูรณ์แล้วให้แยกดำเนินการไปก่อน เช่น กรณีสัญญากู้เงิน ที่เราได้ส่งเอกสารหลักฐานให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ดำเนินการตรวจสอบพบว่า มีสัญญากู้เงิน 9 สัญญา รวมมูลค่าประมาณ 4,200 ล้านบาท ที่เป็นลายมือชื่อปลอม โดยลายมือชื่อปลอมมีจำนวน 3 รายชื่อ ประกอบด้วย 1. นายเนาวพันธุ์ พัฒนพันธ์ 2. นายสหพล สังข์เมฆ และ 3. นางจารุชา ติรกิจสุนทร
ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์กล่าวว่า ในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เราจะดำเนินการนัดพยานที่สอบสวนไปแล้วมาสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งพยานใหม่ที่เราจะนัดมาสอบปากคำทั้งหมด 59 ปาก โดยจะนัดสอบปากคำระหว่างวันที่ 18 พ.ค. - 23 มิ.ย.นี้ พยานที่จะนัดสอบปากคำประกอบด้วย กลุ่มนิติบุคคล 28 ราย บุคคลธรรมดา และพระภิกษุสงฆ์ที่มีความเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ดีเอสไอจะเรียกนางฉลวย โพธิ์งาม และนายกิตติศักดิ์ แสงอรุณ ซึ่งเป็นกลุ่มนายหน้าซื้อที่ดิน ที่อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา จำนวนประมาณ 2,000 ไร่ มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท ให้กับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น ผู้ต้องหาในคดี นอกจากนี้ ดีเอสไอจะเชิญพระสุนันท์ ปัญญานันโท ผู้รับเงินบริจาคจากสหกรณ์ฯ คลองจั่นประมาณ 60 ล้านบาท มาสอบปากคำด้วย
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ภายหลังที่ดีเอสไอดำเนินการยึดอายัดตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 7 ตู้ จากบ้านเลขที่ 55 บ้านใหญ่จอมแตง ม.11 ต.สันโป่ง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เทวสถานปฏิบัติธรรมองค์พระแม่มหาการี ปางประทานพรร่ำรวย ของนางประทุมพร บุตรศรี อายุ 48 ปี ไว้ตรวจสอบนั้น และจากการเปิดตู้คอนเทนเนอร์พบหินแร่ลาพีส ลาซูลี น้ำหนักรวมประมาณ 200,000 กิโลกรัม โดยหินแร่ดังกล่าวเป็นที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับหรือของมงคลมีค่า แร่ชนิดนี้มีราคาซื้อขายตามท้องตลาดกิโลกรัมละ 1,000 บาท รวมราคาประเมินของหินแร่ที่อายัดไว้นี้ประมาณ 200 ล้านบาท นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นของกรมศุลกากรไม่พบหลักฐานการนำเข้าอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้ดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนโดยแยกเป็นอีกสำนวนเฉพาะเรื่องว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ หรือไม่
พ.ต.ต.วรณันกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของฝ่ายบัญชีการเงิน ดีเอสไอ พบว่าอาคารยูทาวเวอร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสหกรณ์ฯ คลองจั่น และเป็นที่พักของนายศุภชัย มีการนำอาคารยูทาวเวอร์ไปจำนองประกันหนี้เงินฝากกับสหกรณ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยดีเอสไอจะดำเนินการตรวจสอบว่าการนำอาคารดังกล่าวไปจำนองนั้นเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือมีเจตนายักย้ายถ่ายโอนทรัพย์หรือไม่ นอกจากนี้ คดีที่ 64/2557 เป็นคดีที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการไปแล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์จะมีการสั่งฟ้อง