xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยคดี “ร.ต.อ.เจษฎา” อดีตตำรวจห้วยขวางยิงนายทหารเรือดับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ร.ต.อ.เจษฎา เจตภรณ์ อายุ 32 ปี อดีต รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดี “ร.ต.อ.เจษฎา” อดีตตำรวจห้วยขวาง ยิงนายทหารเรือเสียชีวิต เหตุขับรถปาดหน้าปี 53 คดีจึงถึงที่สุดให้ยกฟ้อง แต่ยังติดคุก 10 ปีคดียิงโชเฟอร์แท็กซี่



ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา หมายเลขดำ อ.841/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.เจษฎา เจตภรณ์ อายุ 32 ปี อดีต รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องปืนโดยพกอาวุธปืนเข้าไปในเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 374 และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490

โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2553 เวลากลางคืน ขณะจำเลยรถยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน 1818 กทม. ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด ขนาด หมายเลขทะเบียน และกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 3 นัด ยิงประทุษร้าย น.อ.วุฒิชัย บุญฤทธิ์ สังกัดกรมกำลังพลทหารเรือ พระราชวังเดิม ที่ขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีน้ำเงินเทา หมายเลขทะเบียน ลษ 4811 กทม. หลังจากขับรถปาดหน้ากัน โดยกระสุนที่ยิงนั้นเข้าศีรษะทะลุด้านหลัง เป็นเหตุให้ น.อ.วุฒิชัยถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณตรงข้ามโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ถ.รัชดาภิเษกฝั่งขาออก แขวงและเขตดินแดง กทม. ต่อมาวันที่ 19 พ.ย. 2553 เจ้าหน้าที่จับกุมจำเลยได้ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2555 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากพยานโจทก์ไม่สามารถจดจำใบหน้า รูปพรรณสัณฐานของคนร้ายได้ว่าเป็นคนเดียวกับจำเลยหรือไม่ ประกอบกับพนักงานสอบสวนไม่ได้นำปืนที่ใช้ก่อเหตุมาตรวจรอยเขม่าดินปืนและตรวจวิถีกระสุน พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่ชัดเจนเพียงพอว่าจำเลยเป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงผู้ตาย ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย แต่ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างอุทธรณ์

ขณะที่อัยการโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2557 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยเช่นกัน เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษได้ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย อัยการจึงยื่นฎีกา

ศาลฎีกาประชุมตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ประเด็นฎีกาที่ยื่นนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ประเด็นข้อกฎหมายที่ศาลจะรับวินิจฉัยได้ จึงไม่รับฎีกา ผลคดีจึงสิ้นสุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้อง

ภายหลังญาติของ ร.ต.อ.เจษฎากล่าวว่า เนื่องจากคดียิงคนขับแท็กซี่ พยานหลักฐานเกี่ยวกับอาวุธปืนมีความเชื่อมโยงกับคดีที่ถูกกล่าวหายิงนายทหารเรือ ดังนั้นเมื่อศาลฎีกาไม่รับฎีกาอัยการโจทก์ และผลคำพิพากษาถึงที่สุดตามศาลอุทธรณ์ คือให้ยกฟ้องแล้วก็จะหารือทนายความให้นำคำพิพากษาคดียิงนายทหารเรือนี้ไปยื่นต่อศาลฎีกาขอพิจารณาคดีใหม่ที่ถูกกล่าวหายิงคนขับแท็กซี่ เนื่องจากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วนถ้ายื่นแล้วศาลจะมีคำสั่งรับหรือไม่รับก็เป็นอีกเรื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดียิงคนขับแท็กซี่นั้น อัยการยื่นฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.850/2554 ต่อศาลอาญา ฐานพยายามฆ่านายมณเฑียร จิตตระกูล คนขับแท็กซี่เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค. 2553 ที่ซอยจำเนียรเสริม แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. สาเหตุเกิดจากการขับรถปาดหน้ากัน ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2555 ให้จำคุก 10 ปี แต่ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาวันที่ 8 มี.ค.2556 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์มีพิรุธน่าสงสัยจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย กระทั่งอัยการยื่นฎีกา ต่อมาวันที่ 24 ธ.ค. 2557 ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับให้จำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเวลา 10 ปี




กำลังโหลดความคิดเห็น