ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดี “ร.ต.อ.เจษฎา” อดีตตำรวจห้วยขวาง ยิงนายทหารเรือเสียชีวิต เหตุขับรถปาดหน้าปี 53 คดีจึงถึงที่สุดให้ยกฟ้อง แต่ยังติดคุก 10 ปีคดียิงโชเฟอร์แท็กซี่
ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา หมายเลขดำ อ.841/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ร.ต.อ.เจษฎา เจตภรณ์ อายุ 32 ปี อดีต รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องปืนโดยพกอาวุธปืนเข้าไปในเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 374 และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490
โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2553 เวลากลางคืน ขณะจำเลยรถยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน 1818 กทม. ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด ขนาด หมายเลขทะเบียน และกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 3 นัด ยิงประทุษร้าย น.อ.วุฒิชัย บุญฤทธิ์ สังกัดกรมกำลังพลทหารเรือ พระราชวังเดิม ที่ขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีน้ำเงินเทา หมายเลขทะเบียน ลษ 4811 กทม. หลังจากขับรถปาดหน้ากัน โดยกระสุนที่ยิงนั้นเข้าศีรษะทะลุด้านหลัง เป็นเหตุให้ น.อ.วุฒิชัยถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณตรงข้ามโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ถ.รัชดาภิเษกฝั่งขาออก แขวงและเขตดินแดง กทม. ต่อมาวันที่ 19 พ.ย. 2553 เจ้าหน้าที่จับกุมจำเลยได้ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2555 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากพยานโจทก์ไม่สามารถจดจำใบหน้า รูปพรรณสัณฐานของคนร้ายได้ว่าเป็นคนเดียวกับจำเลยหรือไม่ ประกอบกับพนักงานสอบสวนไม่ได้นำปืนที่ใช้ก่อเหตุมาตรวจรอยเขม่าดินปืนและตรวจวิถีกระสุน พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่ชัดเจนเพียงพอว่าจำเลยเป็นผู้ลงมือก่อเหตุยิงผู้ตาย ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย แต่ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างอุทธรณ์
ขณะที่อัยการโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2557 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยเช่นกัน เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษได้ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย อัยการจึงยื่นฎีกา
ศาลฎีกาประชุมตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ประเด็นฎีกาที่ยื่นนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ประเด็นข้อกฎหมายที่ศาลจะรับวินิจฉัยได้ จึงไม่รับฎีกา ผลคดีจึงสิ้นสุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้อง
ภายหลังญาติของ ร.ต.อ.เจษฎากล่าวว่า เนื่องจากคดียิงคนขับแท็กซี่ พยานหลักฐานเกี่ยวกับอาวุธปืนมีความเชื่อมโยงกับคดีที่ถูกกล่าวหายิงนายทหารเรือ ดังนั้นเมื่อศาลฎีกาไม่รับฎีกาอัยการโจทก์ และผลคำพิพากษาถึงที่สุดตามศาลอุทธรณ์ คือให้ยกฟ้องแล้วก็จะหารือทนายความให้นำคำพิพากษาคดียิงนายทหารเรือนี้ไปยื่นต่อศาลฎีกาขอพิจารณาคดีใหม่ที่ถูกกล่าวหายิงคนขับแท็กซี่ เนื่องจากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วนถ้ายื่นแล้วศาลจะมีคำสั่งรับหรือไม่รับก็เป็นอีกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดียิงคนขับแท็กซี่นั้น อัยการยื่นฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.850/2554 ต่อศาลอาญา ฐานพยายามฆ่านายมณเฑียร จิตตระกูล คนขับแท็กซี่เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค. 2553 ที่ซอยจำเนียรเสริม แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. สาเหตุเกิดจากการขับรถปาดหน้ากัน ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2555 ให้จำคุก 10 ปี แต่ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาวันที่ 8 มี.ค.2556 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์มีพิรุธน่าสงสัยจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย กระทั่งอัยการยื่นฎีกา ต่อมาวันที่ 24 ธ.ค. 2557 ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับให้จำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเวลา 10 ปี