กรณีนายอรุณรัตน์ ศรีพิเชียร อายุ 52 ปี ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา เดินทางแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.บางเขนว่า ถูกคนร้ายก่อเหตุยิงใส่รถเก๋ง โตโยต้า วิช สีดำ ทะเบียน กง 4923 สุราษฎร์ธานี บริเวณประตูทางเข้า-ออก 3 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร เป็นเหตุให้กระจกประตูด้านขวาหลังคนขับ และกระจกประตูด้านท้ายแตกรวม 2 แห่ง เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่สน.บางเขน พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบ ด้วยการวัดวิถีการยิงระยะการยิง รวมถึงวิเคราะห์อาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุพบว่า ที่รอยแตกกระจกประตูด้านขวาหลังคนขับ และกระจกประตูหลังของรถคันดังกล่าว มีลักษณะคล้ายถูกของแข็งไม่ทราบชนิด ทุบแตก และคนร้ายน่าจะกระทำขณะที่รถจอดอยู่มากกว่ากำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้า และจากการตรวจสอบภายในรถก็ไม่พบหัวกระสุนหรือปลอกกระสุนซึ่งสอดคล้องกับพยานแวดล้อมที่ให้การตรงกันว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอาวุธปืนหรือคนร้ายแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุก็ไม่พบบุคลต้องสงสัย หรือยานพานหะต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะก่อเหตุครั้งนี้
พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับชนวนเหตุ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องการขับรถปาดหน้าเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องหน้าที่การงาน โดยคาดว่าคนร้ายน่าจะประสงค์ข่มขู่มากกว่าจะเอาชีวิต ซึ่งตอนนี้ทางผู้เสียหายก็ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การกระทำยังคงเป็นความผิดทางอาญา ทางเจ้าหน้าที่จะได้รีบดำเนินการติดตามจับกุมผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วต่อไป
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่สน.บางเขน พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบ ด้วยการวัดวิถีการยิงระยะการยิง รวมถึงวิเคราะห์อาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุพบว่า ที่รอยแตกกระจกประตูด้านขวาหลังคนขับ และกระจกประตูหลังของรถคันดังกล่าว มีลักษณะคล้ายถูกของแข็งไม่ทราบชนิด ทุบแตก และคนร้ายน่าจะกระทำขณะที่รถจอดอยู่มากกว่ากำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้า และจากการตรวจสอบภายในรถก็ไม่พบหัวกระสุนหรือปลอกกระสุนซึ่งสอดคล้องกับพยานแวดล้อมที่ให้การตรงกันว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอาวุธปืนหรือคนร้ายแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุก็ไม่พบบุคลต้องสงสัย หรือยานพานหะต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะก่อเหตุครั้งนี้
พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับชนวนเหตุ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องการขับรถปาดหน้าเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องหน้าที่การงาน โดยคาดว่าคนร้ายน่าจะประสงค์ข่มขู่มากกว่าจะเอาชีวิต ซึ่งตอนนี้ทางผู้เสียหายก็ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การกระทำยังคงเป็นความผิดทางอาญา ทางเจ้าหน้าที่จะได้รีบดำเนินการติดตามจับกุมผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วต่อไป