“สมยศ” ขันนอต ตร.ภาค 2 กำชับปราบขบวนการค้ามนุษย์ ย้ำต่างชาติจับตามองอยู่ หากใครเกี่ยวข้องทั้งเรื่องค้าแรงงาน ค้าประเวณี ต้องดำเนินการเฉียบขาด
วันนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (บช.ภ.2) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. มอบนโยบายให้แก่ตำรวจระดับหัวหน้าหน่วยที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ บช.ภ.2 และรับมอบเงินบริจาคสบทบการสร้างอาคารและเครื่องมือแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) จำนวนกว่า 10 ล้านบาท
ผบ.ตร. กล่าวในการมอบนโยบายว่า สิ่งที่สำคัญตำรวจต้องเป็นที่รักของประชาชน ปฏิบัติกับประชาชนอย่างอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ มอบความรักให้ประชาชนเพื่อสร้างความศรัทธา บังคับใช่กฎหมายอย่างเสมอภาค ถูกต้องตรงไปตรงมา ไม่กลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสี ไม่ลูบหน้าปะจมูกเห็นแก่พรรคพวก แม้แต่ตำรวจหากทำผิดก็ต้องดำเนินการตนทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วจากหลายเหตุการณ์ที่ตำรวจทำผิดต้องลงโทษทั้งทางวินัย และดำเนินคดี และต้องยอมรับการตรวจสอบในยุคโลกไอทีที่เข้มข้น รวดเร็ว เช่นการถ่ายภาพ ถ่ายคลิปที่แพร่อย่างรวดเร็ว
“รู้ว่าช่วงนี้ลมแรงต้องลู่ลม ช่วงนี้ห้ามกินเนื้อสัตว์ ต้องยอมกินเจ แต่หากกินเจแล้วไม่อิ่ม อยากจะกินเนื้อสัตว์ก็ต้องรับผิดชอบ ผมไปไหนไม่เคยห้ามเปิดบ่อน แต่ผมไม่เคยสนับสนุน ผมให้ท่านคิดเอง ว่าควรทำหรือไม่ และต้องรับผิดชอบกับผลการกระทำ ท่านต้องใช้ดุลพินิจเอง ผมเป็น ผบ.ตร. เป็นคสช. สนับสนุนให้ทำสิ่งไม่ดีไม่ได้ ขอให้ตำรวจทุกคนกวดขันปราบปรามอบายมุข และดูแลตำรวจด้วยกันไม่ให้เข้าไปพัวพันโดยผมออกคำสั่ง 234/2558 เรื่อง ความรับผิดชอบกวดขันปราบปรามอาบายมุขมาแล้ว หากจากนี้เกิดกรณีทำผิด ทำให้ ตร. เสียชื่อเสียง ตำรวจทุกหน่วยในพื้นที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน โดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์ต้องละเว้นการข้องเกี่ยว อย่าเข้าไปมีส่วนพัวพันต้องปราบปรามเด็ดขาด ถ้าเกี่ยวข้องดำเนินคดีเฉียบขาดแน่ เพราะต่างชาติจับตามองอยู่ที่ผ่านมาข้าราชการที่เกี่ยวข้องเรื่องค้ามนุษย์ พอดำเนินคดีไป คดีจบก็กลับมารับราชการ ตรงนี้ต่างชาติมองว่ากฎหมายไทยไม่เข้มแข็ง ไม่เอาจริงกับข้าราชการทำผิด แต่ตอนนี้ต่างชาติจับตามองเราอยู่ หากพบใครเกี่ยวข้องค้ามนุษย์ตอนนี้ทั้งเรื่องค้าแรงงาน ค้าประเวณี ใครเกี่ยวข้องผมต้องดำเนินการเฉียบขาด ขอให้ตำรวจภาค 2 ระวังเรื่องนี้ด้วยป้องกันปราบปรามอย่างเข้มข้น ให้พึงระวังหน่วยงานอื่นๆ ก็จับตาตำรวจเรื่องนี้ หลายท้องที่ถูกหน่วยอื่นล่อซื้อ บุกจับ จึงขอให้ตำรวจทุกหน่วยป้องกันอย่าให้เกิดเรื่องการค้ามนุษย์ในพื้นที่ ที่ผ่านมาหลายเหตุการณ์แพร่ในโลกโซเชียล ในเฟชบุ๊กในไลน์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีติดตามข่าวสารเช่นนี้ตลอด และประสานผมตลอด จึงขอให้ตำรวจทุกคนทำงานให้ดี ถูกต้อง ระมัดระวัง” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ตำรวจในยุคนี้อย่าตกเป็นเหยื่อไอที เหยื่อโลกยุคใหม่ ให้ระวังคนที่แอบอ้างรู้จักผู้ใหญ่ รู้จักผู้บังคับบัญชาระดับสูง เพีียงแค่มีรูปถ่ายด้วยกัน หลายคดีเกิดขึ้นมีการแอบอ้างเช่นนี้ ขอให้มีไหวพริบตรวจสอบเข้มข้น ตรวจสอบอย่างรอบคอบบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้น นอกจากนี้ ในการปฏิบัติงานต้องมียุทธวิธี ปฏิบัติหน้าที่อย่างปลอดภัย โดยใช้อาวุธอย่างรอบคอบระมัดระวังมีสติ
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจ ว่า ที่ผ่านมา มีการเสนอแยกงานสอบสวนออกจากตำรวจ ตนฟังมาตลอด แต่ที่ไม่ออกมาคัดค้านเพราะทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่สามารถทำงานได้ในความเป็นจริง ที่ผ่านมาตนแสดงออกตลอดว่าหากแยกงานตำรวจ เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจทางหลวง ตำรวจรถไฟ ออกไป ก็ยินดี ตนไม่เคยค้านแต่หน่วยที่จะเอาไปต้องรับด้วยแต่ที่ผ่านมาทำหนังสือสอบถามแล้ว หน่วยเหล่านั้นไม่เอา ทั้งนี้ บอกตรงๆ ว่า รู้สึกประหลาดใจที่เอาเรื่องการแยกหน่วยงานตำรวจไปเขียนในรัฐธรรมนูญ ทราบว่ามาต้องการบังคับให้เปลี่ยนเพราะหากไปถามกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็คงไม่มีใครรับงานไปจึงต้องเขียนในรัฐธรรมนูญบังคับ
“จะปฏิรูปตำรวจผมขอให้ตำรวจมีส่วนร่วม การแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ คณะอนุกรรมการฯที่คิดเรื่องแยกงานสอบสวนไปก็จบไปด้วยตัวเองแล้ว ถูกยุบไปแล้ว และจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาใหม่ สปช. ส่งหนังสือมาขอให้ผมส่งตัวแทนตำรวจไปร่วมคณะ ผมจะส่ง พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ไปคุยให้รู้เรื่อง นี่แหละมวยถูกคู่แล้ว ยืนยันผมไม่หวงอำนาจ หากงานด้านไหนพร้อมแยกออกจาก ตร. เช่น งานสอบสวน หากพร้อมจะแยกออกไปก็ไปได้เลย แต่ในความคิดของผมคือให้งานสอบสวนแยกสายงานเติบโต โตในแท่งอยู่ภายใน ตร. ไม่ใช่แยกออกไปตั้งหน่วยงานใหม่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าใครจะมาแยกอะไรออกไป มาย่ำยีกันได้ง่ายๆ” ผบ.ตร .กล่าว