พ่อค้าขายเสื้อผ้าตลาดนัด เมืองลพบุรี ทวงถามผลสอบ ตร. อมของกลาง ทอง 200 บาท มูลค่า 5 ล้านบาท ผ่านมา 7 เดือน คดีไม่คืบ
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายมนูญ บุญอยู่ อายุ 66 ปี และ นางมาลี บุญอยู่ อายุ 53 ปี สองสามีภรรยา ชาว จ.ลพบุรี ประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด พร้อมทนายความ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ผ่านทาง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีคนร้ายโจรกรรมทองรูปพรรณ และทองคำแท่งน้ำหนักรวม 200 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ภายในบ้านพักเลขที่ 2/1 ซอยโคกโพธิ์ ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2556 แม้ตำรวจ สภ.โคกสำโรง จะสามารถจับกุมคนร้ายได้ภายในวันเดียว แต่ติดตามทรัพย์สินคืนมาได้เพียง 800,000 บาทเท่านั้น ขณะที่เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2557 เคยมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านมา 7 เดือน กลับไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว
นายมนูญ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้ไปร้องเรียนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556 เรื่องก็เงียบไป หลังจากนั้น ได้ทำหนังสือร้องทุกข์อีกฉบับ ยื่นที่หน้าห้อง พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 ในขณะนั้น ก็มีการเรียกสอบและชี้แจงมา ซึ่งเมื่ออ่านดูก็ไม่มีประโยชน์กับตนเอง ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จากนั้นได้ไปร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานจเรตำรวจ แต่เรื่องก็เงียบหายไปเช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2557 จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านมา 7 เดือน เรื่องก็เงียบหายไปอีก เมื่อทวงถามความคืบหน้าก็มีการผัดผ่อนจากทางตำรวจ ล่าสุด ได้รับแจ้งจาก พล.ต.ต.ชัยพร พาณิชอัตรา ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงออกมาแล้ว ให้ไปตรวจสอบกับพนักงานสอบสวน สภ.โคกสำโรง แต่เมื่อไปทวงถามความคืบหน้า กลับได้รับการปฏิเสธ อ้างว่าข้อมูลตรงนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่หากต้องการทราบข้อมูลให้นำคำสั่งศาลมา พร้อมระบุว่า รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ส่งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว วันนี้ตนจึงมาทวงถามผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบในการฟ้องร้องคดีต่อศาล ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ตนได้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ศูนย์ดำรงธรรม และทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แต่ทุกหน่วยงานแจ้งว่าต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจ
“สำหรับคดีนี้ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมดภายในวันเดียว แต่ได้ทรัพย์สินคืนมาเป็นทองคำ 20 บาท เงินสดประมาณ 2 แสนบาท พร้อมทรัพย์สินบางส่วนที่คนร้ายนำเงินที่ได้จากการขายทองไปซื้อ ประกอบด้วย โทรทัศน์ เครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ รถจักรยานยนต์ 1 คัน รวมมูลค่าประมาณ 8 แสนบาทเท่านั้น เมื่อสอบถามตำรวจถึงทรัพย์สินที่เหลือ ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน บอกเพียงว่าผู้ต้องหานำไปซื้อของหมดแล้ว เมื่อขอดูรายการที่คนร้ายนำเงินไปซื้อของ ซึ่งมีบิลยาวมาก ตนเองเห็นในวันแถลงข่าว ก็จะขอตรวจสอบ เพื่อดูว่าคนร้ายซื้ออะไรไปบ้าง ทางตำรวจก็ปฏิเสธที่จะให้ดู บอกจะคืนบิลดังกล่าวให้ภายหลัง แต่เมื่อไปทวงถามหลังจากนั้น ก็บอกว่าบิลหายไปแล้ว หาไม่เจอ เมื่อแต่งตั้งทนายให้ไปพบผู้ต้องหาที่เรือนจำ ผู้ต้องหาก็บอกว่าของกลางให้ตำรวจไปหมดแล้ว ทำให้ตนสงสัยการทำงานของตำรวจ และยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ทำไมสามารถจับคนร้ายได้ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ขยายผลติดตามของกลางกลับมาไม่ได้” นายมนูญ ระบุ
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า หลังจากนี้ จะนำเรื่องเสนอ ผบ.ตร. เพื่อพิจารณาสั่งการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงตนจะประสานกับ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 และแจ้งให้ผู้เสียหายทราบโดยเร็ว ทั้งนี้ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ หากพบว่าตำรวจมีความบกพร่อง หรือ จงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็จะถูกดำเนินการทั้งวินัยและอาญาโดยเด็ดขาด