ASTVผู้จัดการ - เอส พระราม3 สิ้นฤทธิ์ โดนรวบหลังเหิมคาด่านตรวจแอลกอฮอล์ ชักปืนดวลสนั่นกับตำรวจ ผลบาดเจ็บ แต่อ้างถูกตำรวจรุมทำร้ายขณะจับกุม “สมยศ” โต้เจ้าหน้าที่ถูกยิงก่อน เดชะบุญสวมเสื้อเกราะ เผยเป็นอาชญากรตัวสำคัญ ประวัติโชกโชนหนีหมายจับหลายคดี
จากกรณีเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา นายอานุภาพ หรือ พรประเสริฐ ชูนามเดช ฉายา “เอส พระราม 3” ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ลูกโม่ ขนาด .32 ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ บริเวณปากซอยพระราม 3 ซอย 8 ถนนพระรามที่ 3 แขวงและเขตบางคอแหลม กทม. ก่อนถูกตำรวจยิงสวนรับบาดเจ็บที่ข้อศอก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (28 เม.ย.) พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกก.สน.วัดพระยาไกร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายอานุภาพ ไปรักษาตัวที่ รพ.ตร. เพราะได้รับบาดเจ็บขณะยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ พร้อมจัดกำลังดูแลตลอด 24 ชม. เพื่อป้องกันการหลบหนี และ หลังรักษาตัวเสร็จจะมีการสอบปากคำอีกครั้ง ก่อนนำตัวส่งศาล
สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ที่ยิงต่อสู้กับคนร้าย ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร และวันนี้ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติอยู่ ส่วนเพื่อนนายเอส ที่เป็นผู้ขี่รถ จยย. ยังไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เนื่องจากไม่น่าจะรู้เห็น เพราะ นายอานุภาพ เดินลงจากรถเมื่อก่อเหตุยิง คนขี่รถ จยย. หลบหนีไปทันที ปล่อยนายอานุภาพ ไว้ในที่เกิดเหตุ จึงยังไม่มีการแจ้งข้อหาร่วม แต่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบประวัติอยู่ว่ามีหมายจับ หรือคดีค้างเก่าหรือไม่ หากพบจะนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ผบ.ตร. แถลงโต้ตำรวจรุมซ้อม
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำตัว ร.ต.อ.คำตัน ทำดี รอง สว.จร.สน.วัดพระยาไกร ด.ต.ไชย์รัตน์ แย้มกลับ ผบ.หมู่งานจราจร และ ด.ต.มนตรา อินทร์ชุ่ม ผบ.หมู่งานจราจร ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตรวจความมั่นคง บริเวณถนนพระราม 3 เมื่อคืนที่ผ่านมา ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน กรณีที่ นายอนุภาพ ชูนามเดช หรือ เอส พระราม 3 ซึ่งฝ่าด่านตรวจตำรวจและยิงใส่ตำรวจที่ตั้งด่านอยู่ อ้างว่า ถูกตำรวจใช้กำลังทำร้ายร่างกายขณะเข้าจับกุม
โดยตำรวจทั้ง 3 นาย ยืนยันว่า ขณะตั้งด่านบริเวณดังกล่าว ผู้ต้องหาพยายามหลบหนี ไม่ยอมให้ตรวจค้น และยิงใส่ ด.ต.มนตรา สน.วัดพระยาไกร จำนวน 2 นัด บริเวณหน้าอก แต่เนื่องจาก ด.ต.มนตรา ใส่เสื้อเกราะ จึงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต จากนั้นตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมคนร้ายได้ โดยไม่มีการทำร้ายร่างกาย หรือ ใช้อาวุธปืนยิงผู้ต้องหาแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีประวัติถูกออกหมายจับอีกหลายคดีด้วย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวชมเชยที่ปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทั้ง 3 นาย และเห็นว่า ตำรวจทุกนายควรเตรียมพร้อมทั้งอาวุธปืนประจำกาย อุปกรณ์ป้องกันตัว ก่อนปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ส่วนการดำเนินคดี เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน พร้อมกันนี้ ได้มอบเงินรางวัลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และพิจารณาความชอบต่อไป
เหตุจากเรียกตรวจกลับชักปืนยิง
ทั้งนี้ เหตุการณ์จับกุม เอส พระราม 3 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.10 น. วันนี้ (28 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ ร.ต.อ.คำตัน ทำดี รอง สว.จร.สน.วัดพระยาไกร พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.วัดพระยาไกร กำลังตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์อยู่บริเวณปากซอยพระราม 3 ซอย 8 ถนนพระรามที่ 3 แขวงและเขตบางคอแหลม ก็พบรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์เทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มีชาย 2 คน ขับขี่ - ซ้อนท้ายมาด้วยท่าทางมีพิรุธ ก่อนจะจอดให้ชายคนนั่งซ้อนท้ายลงเดินก่อนถึงด่านตรวจประมาณ 30 เมตร ทางเจ้าหน้าที่จึงเดินเข้าไปเพื่อเรียกทำการตรวจค้น แต่ปรากฏว่า ชายคนดังกล่าวได้ชักปืนยิงใส่ ด.ต.ไชยรัตน์ แย้มกลีบ ผบ.หมู่ จร.สน.วัดพระยาไกร ที่เดินเข้าไปเป็นคนแรก แต่โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะที่คนร้ายอีกคนอาศัยจังหวะดังกล่าวรีบเร่งเครื่องรถจยย.หลบหนีไปทันที
จากนั้นชายคนดังกล่าวได้พยายามวิ่งหลบหนี ทาง ด.ต.มนตรา อินทร์ชุ่ม ผบ.หมู่ จร.สน.วัดพระยาไกร จึงขับขี่รถ จยย. ติดตามไป ชายคนดังกล่าวจึงชักอาวุธปืนยิงใส่ ด.ต.มนตรา ไป 2 นัดในระยะเผาจนรถจยย.ล้มลงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนวิ่งหลบหนีต่อไป ด.ต.มนตรา จึงชักปืนยิงสกัดจับ
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดสามารถไล่ติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้อย่างชุลมุน ทราบชื่อต่อมาคือ นายอานุภาพ หรือ พรประเสริฐ ชูนามเดช เจ้าของฉายา “เอส พระราม 3” อายุ 30 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .32 โดยเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธยิงเข้าที่ข้อศอกขวา 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ
นายอานุภาพ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งซ้อนท้ายรถ จยย. เพื่อนชื่อนายเก่ง ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง มาจนกระทั่งมาเห็นด่านตรวจ จึงให้เพื่อนจอดส่งลงเดิน เนื่องจากตนไม่ได้สวมหมวกกันน็อก หลังจากนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งตาม ตนจึงชักอาวุธปืนที่ติดตัวมายิงใส่ ด.ต.ไชยรัตน์ ไป 1 นัด และยิงใส่ ด.ต.มนตรา ไป 2 นัด เพราะตนกลัวว่าจะถูกตำรวจยิงใส่ก่อน จากนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอก จากนั้นก็ขว้างทิ้งโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 เอส ทิ้งคลองระบายน้ำใกล้ๆ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ดังกล่าว
ด.ต.ไชยรัตน์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกฮอล์อยู่ตามปกติ ก็พบ นายอานุภาพ ได้ลงจากรถ จยย. ก่อนเดินมา ตนจึงรีบเดินติดตามไปเพื่อเรียกขอตรวจค้น แต่นายอานุภาพกลับวิ่งหนี พร้อมทั้งชักอาวุธปืนยิงใส่ในระยะประชิด แต่โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด หลังจากนั้น ตนจึงรีบแจ้งวิทยุบอกไปยังด่านว่าคนร้ายมีอาวุธปืน ทางเจ้าหน้าที่ในด่านที่เหลือจึงนำกำลังรีบติดตามมาไล่จับกุม แต่คนร้ายก็ยังใช้อาวุธปืนยิงใส่ ด.ต.มนตรา อีก 2 นัด ทำให้ ด.ต.มนตรา ต้องชักปืนยิงสวนไป 2 นัด โดนข้อศอกขวาของคนร้าย จากนั้นก็ช่วยกันจับกุมตัวนายอานุภาพเอาไว้ได้ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ที่ตนรอดมาได้ ก็น่าจะเป็นเพราะบารมีของเหรียญ ร.5 ด้านหลังเป็นพระพุทธชินราช รุ่นปี 2535 ที่ช่วยให้ตนแคล้วคลาดไม่ถูกยิง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา พยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนนำตัวไปตรวจเขม่าดินปืน พร้อมทั้งส่งไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ประวิทย์ วงษ์เกษม สวป.สน.วัดพระยาไกร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.วัดพระยาไกร ออกติดตามสกัดจับชายต้องสัยอีก 1 คน ที่ขี่รถ จยย. หลบหนีไปแล้ว
นายอานุภาพ หรือ “เอส พระราม 3” นั้น มีประวัติก่อเหตุอาชญากรรมาแล้วโชกโชน คดีที่ดังที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 16 ธ.ค. 55 ที่ผ่านมา เจ้าตัวก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคู่อริบริเวณหน้าผับโพไซดอน ริมถนนรัชดา - ท่าพระ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี ทำให้ นายศิริพงษ์ อภัยวงศ์ อายุ 30 ปี เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายชาญชัย เกียรติธนะกิจ อายุ 26 ปี และ นายทรงปกรณ์ จิตบำรุงพรชัย อายุ 23 ปี ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ ยังมีประวัติโชกโชน เคยถูกจับในท้องที่ สน.วัดพระยาไกร หลายคดีด้วยกัน โดยคดีแรกปี 2546 ถูกจับกุมคดีทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส และคดียาเสพติดอีก 5 คดี และยังถูกจับกุมคดีแข่งรถ จยย. อีกหลายครั้ง