xs
xsm
sm
md
lg

ปส.จับแก๊งค้ายาชาวเมียนมาร์ยึดไอซ์รวม 11 กก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายเช้ง แซ่โซ้ง  นายตาว ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมาร์และนายวิภพ รัตนวร คนไทยผู้ต้องหา
บช.ปส. แถลงผลจับกุมยาเสพติด 2 คดี ได้ผู้ต้องหา 3 ราย ทั้งชาวเมียนมาร์ และคนไทย ยึดของกลางยาไอซ์ 11 กก. ขณะลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เข้ามายังประเทศไทย

วันนี้ (28 เม.ย.) ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส.พร้อมด้วย พล.ต.ต ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติด

คดีแรก

เจ้าหน้าที่จับกุม นายเช้ง แซ่โซ้ง อายุ 21 ปี สัญชาติเมียนมาร์ และ นายตาว ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมาร์ เชื้อชาติว้า อายุ 25 ปี พร้อมของกลาง ยาไอซ์ บรรจุในห่อใส่ใบชาสีทอง มีอักษรภาษาจีน จำนวน 10 ห่อ น้ำหนักรวมประมาณ 10 กิโลกรัม รถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ผบ 6870 เชียงใหม่ โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง

พล.ต.ต ทนัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า มีกลุ่มคนต่างด้าวชนเผ่าม้ง ร่วมกับชนเผ่าว้า ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เข้ามายังประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น. (วันที่ 26 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการได้พบรถยนต์กระบะ นิสสัน ตอนเดียว สองประตู หมายเลขทะเบียน ผบ 6870 เชียงใหม่ มาจอดบริเวณหน้าร้านกาแฟ ริมถนนโชตนา มีชายลักษณะเหมือนคนพื้นที่สูง (ชนชาวเผ่า) จำนวน 2 คน ลงมาจากรถคันดังกล่าว ลักษณะตรงตามที่สายลับได้แจ้งไว้ ทราบชื่อภายหลัง นายเช้ง แซ่โซ้ง เป็นผู้ขับขี่ และ นายตาว ไม่มีนามสกุล ผู้โดยสาร โดยนายตาว ได้สะพายกระเป๋ามีลักษณะเหมือนบรรจุสิ่งของมีน้ำหนักมาก เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ จึงได้เข้าแสดงตัวขอตรวจค้น การตรวจค้นภายในกระเป๋าสะพายพบภายในบรรจุยาเสพติดประเภทไอซ์ บรรจุในห่อใบชาสีทอง มีอักษรภาษาจีน จำนวน 10 ห่อ น้ำหนักห่อละ 1 กิโลกรัม รวมทั้งสิ้น 10 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลางก่อนแจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2

เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุม นายวิภพ รัตนวร อายุ 44 ปี พักอยู่บ้านเลขที่ 2/37 ซ.บางแวก 64 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม รถยนต์เก๋งโฟล์ค สวาเกน สีแดง หมายเลขทะเบียน ฐอ 7330 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงสีดำ จำนวน 1 เครื่อง แท็บเล็ตยี่ห้อ ASOS สีดำ จำนวน 1 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย จำนวน 1 ใบ

พล.ต.ต ทนัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยสืบสวนปราบปรามยาเสพติด กก.3 บก.ปส.2 บช.ปส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่าผู้ต้องหามีภูมิลำเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาไอซ์ มาจำหน่ายให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล และในบางครั้งก็ลำเลียงนำส่งให้กับลูกค้าต่างจังหวัด โดยสายลับสามารถติดต่อล่อซื้อไอซ์จากนายนายวิภพ หรือ โจ ได้ จำนวน 1 กิโลกรัม ในราคา 1,500,000 บาท และได้ทำการนัดส่งมอบไอซ์กันในเขต ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ในวันที่ 27 เม.ย. เวลาประมาณ 10.00 น. โดยวันที่ 26 เม.ย. ให้สายลับโอนเงินค่าไอซ์ เข้าบัญชีของ นายวิภพ หรือ โจ ไปก่อนจำนวน 5,000 บาท ส่วนที่เหลือจะจ่ายตอนส่งมอบไอซ์ หลังจากนั้นได้วางแผนจับกุมโดยให้เจ้าหน้าที่ปลอมตัวไปกับสายลับ และวางกำลังโดยรอบร้านส้มตำสองพี่น้อง ถ.บ้านกอก - บ้านโจด ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. พบสายลับและ นายวิภพ หรือ โจ อยู่ในร้านส้มตำที่เกิดเหตุ นายวิภพ หรือ โจ ได้ยื่นไอซ์มอบให้เจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวไว้ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นไอซ์จริงสายลับ จึงส่งสัญญาณเข้าจับกุมตัวนายวิภพ หรือ โจ ทันที เมื่อสอบถามนายวิภพ หรือ โจ รับว่าไอซ์เป็นของตนเองจริง และยังมีไอซ์อีก 1 ถุง น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ที่จะนำมาส่งมอบซุกซ่อนอยู่ใต้ยางกันเปื้อนด้านหลังคนขับ ภายในรถยนต์เก๋งโฟล์ค สวาเก้น สีแดง ที่ตนเองขับมาจอดบริเวณริมถนนด้านหน้าหอพักจงสุขสันต์อพาร์ทเม้นท์ ถ.บ้านกอก - บ้านโจด ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

พล.ต.ต ทนัย กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ชาวม้งที่รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจะใช้เส้นทางเข้ามาทางชายแดนทางภาคอีสาน ใน จ.เลย และ จ.หนองคาย แต่ในปัจจุบันได้มีการกลับไปใช้เส้นทางเดิมทางภาคเหนือ โดยจะมีการลำเลียงยาเสพติดมาทาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งจะใช้คนเดินทางลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาพักไว้ตามแนวชายแดนทางภายเหนือ ก่อนจะลักลอบลำเรียงเข้ามาในพื้นที่ชั้นในของประเทศไทย โดยใช้รถยนต์ที่มีการดัดแปลงถังน้ำมันแล้วซุกซ่อนยาเสพติดไว้ภายใน เพื่อให้พ้นจากสายตาเจ้าหน้าที่ จากการสอบสวนคดีแรก ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีนายทุน ไม่ทรายชื่อและนามสกุล ว่าจ้างเป็นเงินคนละ 20,000 บาท ให้ตนลำเลียงยาเสพติดจากชายแดน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เข้ามาในพื้นที่ชั้นใน ก่อนมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น