ผบ.ตร. เข้าเยี่ยมอาการ สวป.สภ.พนมสารคาม ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายสาหัส ระบุพฤติกรรมอุกอาจก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะที่ไม่ระวังตัว เชื่อผู้ก่อเหตุเกี่ยวข้องยาเสพติด - อาวุธปืน วอนผู้ปกครองพาเข้ามอบตัว ย้ำหากต่อสู้ตำรวจก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (12 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเยี่ยม พ.ต.ท.กฤษณ์ บุญเรืองคณาภรณ์ สวป.สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ขณะที่อยู่ระหว่างตรวจยึดรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย ภายในปั๊มน้ำมันรุ่งพิทักษ์ 1 หมู่ที่ 4 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โดย ผบ.ตร. ได้มอบกระเช้าผลไม้ พร้อมเงินช่วยเหลือเยียวยา
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า กรณีนี้ถือเป็นกรณีที่ผู้ที่ลงมือทำร้าย เป็นพฤติกรรมที่อุกอาจมาก เข้าทำร้าย พ.ต.ท.กฤษณ์ ขณะที่ไม่ได้ระวังตัว และคิดไม่ถึงว่าจะมีวัยรุ่นที่กล้าทำร้าย ในเบื้องต้นจากการสืบสวน ทราบว่าวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวในรถน่าจะมีทั้งยาเสพติดและอาวุธปืน
“ขอฝากไปยังพ่อแม่และผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงมือกระทำความผิดและทำร้าย พ.ต.ท.กฤษณ์ ขอให้รีบเข้ามอบตัว เนื่องจากคนที่ลงมือทำร้ายทราบว่ามีอาวุธและก็มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวมีการต่อสู้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด ซึ่งอาจจะต้องมีการใช้อาวุธภายใต้กรอบของกฎหมาย” ผบ.ตร.กล่าว และว่า จากการที่มาเยี่ยม พ.ต.ท.กฤษณ์ ได้สอบถามแพทย์ที่ดูแลอาการของคนไข้ บอกว่าได้รับบาดเจ็บกระดูกที่โหนกแก้มแตกและกระดูกกระบอกตาร้าว ซึ่งถือว่าเป็นขั้นที่จะต้องรักษาเกินกว่า 20 วัน ถือว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ทราบตัวหรือว่าวัยรุ่นนี้เป็นกลุ่มไหน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในเบื้องต้นทราบตัวแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามจับกุมตัวอย่างเร่งด่วน กรณีนี้ถือว่าคนร้ายมีพฤติกรรมที่อุกอาจ เพราะถ้าเป็นเรื่องแค่แข่งรถ คงไม่ลงมือกระทำการเช่นนี้ แสดงว่าวัยรุ่นคนนั้นน่าจะมียาเสพติดและอาวุธ ก็คงกล้าที่จะลงมือถึงขั้นนี้
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรกับเจ้าหน้าที่ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมอุกอาจทำร้าย ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็จะต้องใช้มาตรการที่เข้มข้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เด็กวัยรุ่นอาจจะคึกคะนอง สนุกสนานเป็นบางโอกาส ผู้บังคับบัญชาหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ก็ต้องใช้ดุลพินิจสำหรับกรณีที่เกิดขึ้น คนที่ลงมือทำร้ายตำรวจต้องมีใจโหดเหี้ยมอำมหิต ก็เป็นพฤติกรรมที่อุกอาจ เพราะฉะนั้นก็ต้องบอกหรือวิงวอนไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสืบสวนจับกุมคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัยรายนี้ ก็ต้องระมัดระวังอย่าประมาท ตนเชื่อว่าคนร้ายต้องมีอาวุธแน่นอน หากมีการต่อสู้ก็ต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท