นปช.ตบเท้าเข้าพบอธิบดีดีเอสไอ สอบถามการดำเนินคดี 99 ศพจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 หลังมีการเปลี่ยนชุดทำงาน พร้อมขอให้ตัวแทนเข้ารับฟังผลการสืบสวนด้วย
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ และคณะ เดินทางเข้าพบนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เพื่อสอบถามรายละเอียดและแนวทางในการดำเนินคดีการเสียชีวิตทั้ง 99 ศพจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ภายหลังมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นใหม่ พร้อมร้องขอให้มีตัวแทนของกลุ่ม นปช.เข้าร่วมรับฟังการสอบสวนในคดี
นายจตุพรกล่าวว่า จากกระแสที่มีการพยายามเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในการดำเนินคดี เช่น หากพิสูจน์ได้ว่ามีชายชุดดำได้ คดีทุกอย่างจะจบ ซึ่งผลการไต่สวนสำนวนชันสูตรพลิกศพจำนวน 28 ศพก่อนหน้านี้รวมไปถึงสำนวนคดีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ และนางสมร ไหมทอง หรือสำนวนคดี 6 ศพวัดประทุมฯที่ศาลได้ไต่สวนชัดเจนว่าไม่มีชายชุดดำ ทั้งนี้ ในส่วนที่เราห่วงใยใน 27 คดี ที่จะต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างดีเอสไอและกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยที่ผ่านมา 27 คดีมีความล่าช้า และตนได้เรียกร้องมาตั้งแต่เริ่มต้นว่าทั้ง 89 สำนวน ควรมีการไต่สวนสำนวนชันสูตรพลิกศพตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตั้งโครงเรื่องชายชุดดำขึ้นมา และดีเอสไอเคยเรียกนักข่าวจากสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพชายชุดดำที่ถูกบันทึกไว้เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 บริเวณสี่แยกคอกวัว ส่วนจุดใดนั้นไม่ทราบ โดยสำนักข่าวอื่นๆ ไม่มีใครสามารถเก็บภาพชายชุดดำได้ มีเพียงสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ที่มีภาพชายชุดดำขณะยิงปืนเป็นประกายไฟได้ ต่อมาสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ได้ให้ข้อมูลต่อดีเอสไออีกครั้ง โดยระบุว่าภาพชายชุดดำนั้นไม่ได้ถ่ายเอง แต่เป็นภาพที่มีคนมาขายให้ เพราะถ้าถ่ายเองจะทราบตำแหน่งที่ยิงได้ จึงอยากให้ดีเอสไอทำการขยายผลว่าคนที่มาขายภาพให้สำนักข่าวอัลญะซีเราะห์เป็นใคร เพื่อที่ดีเอสไอจะทราบได้ว่าจุดที่ชายชุดดำยืนอยู่คือจุดใด
นายจตุพรกล่าวอีกว่า มีความกังวลในการเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน โดยมีทหารมาร่วมสอบสวนด้วย และก่อนที่นางสุวณาจะมารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเคยนำหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องทำเรื่องไปยัง ศอฉ.เพื่อขอรายชื่อว่ามีทหารคนใดประจำใน 21 จุด กับ 89 ความตาย และ ศอฉ.ก็ได้ส่งข้อมูลกลับมาให้ว่ามีทหารประจำจุดใดบ้าง อาทิ กรณี 6 ศพในวัดปทุมวนารามฯ
ประธาน นปช.กล่าวอีกว่า คดีที่พิสูจน์ทราบแล้วว่าการเสียชีวิตเกิดจากฝั่งของเจ้าหน้าที่ซึ่งในรัฐบาลนี้ที่มีความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจะสามารถดำเนินการได้แค่ไหน ทั้งในด้านสังกัดขอบเจ้าหน้าที่ และการนำอาวุธมาตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม การมาติดตามเรื่องวันนี้ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของพวกตน เพราะคดีของพวกตนเลยขั้นตอนของดีเอสไอไปแล้ว แต่ต้องการมาทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของครอบครัวผู้เสียเสียชีวิต โดยจะขอติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ ขณะที่ นพ.เหวงกล่าวว่า เพื่อความโปร่งใสในการทำงานของดีเอสไอ จึงอยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสามารถส่งตัวแทนเข้ารับฟังการสอบสวนได้หรือไม่ และหากมีหลักฐานใหม่จะสามารถรื้อฟื้นคดีได้หรือไม่
นางสุวณา กล่าวว่า ดีเอสไอไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงคณะพนักงานสอบสวนอย่างที่เป็นข่าวออกไป แต่เป็นการเพิ่มเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่มาจากทหารจำนวน 7 นายเพื่อมาประสานงานในส่วนของทหารที่ยังไม่เข้าให้ปากคำต่อดีเอสไอ อีกทั้งยังเป็นการทดแทนคณะพนักงานสอบสวนชุดเดิมที่เกษียณอายุราชการ ส่วนกรณีที่ตัวแทนกลุ่ม นปช.จะขออนุญาตเข้ามารับฟังการสอบสวนนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะอาจกระทบต่อรูปคดี แต่หากทนายความของผู้เกี่ยวข้องที่เข้าให้ปากคำต่อดีเอสไอก็สามารถเข้าร่วมรับฟังได้ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการสอบสวนตนก็ได้เร่งคดีให้มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สมัยที่คณะทำงานชุดเดิมเคยได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ทหารว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน ดีเอสไอต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย สำหรับการตรวจสอบเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอกำลังจะดำเนินการตรวจสอบ โดยเราจะทำงานด้วยความโปร่งใส และทำให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายเชื่อถือการทำงานของเรา ยืนยันว่าการทำงานครั้งนี้ไม่การตั้งธง หรือมีคนชี้นำแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายจตุพรสนทนาเพื่อขอทราบเรื่องดังกล่าวกับอธิบดีดีเอสไอแล้วได้กล่าวถึงกำหนดการจัดงานรำลึกการเสียชีวิตของกลุ่มแนวร่วม นปช. และทหารจำนวน 99 ศพว่า ตนจะนำหนังสือไปยื่นต่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บ่ายโมง วันนี้ (7 เม.ย.) เพื่อชี้แจงรายละเอียดการจัดงานในวันที่ 10 เม.ย.นี้ว่าเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 99 ศพ และยืนยันว่าไม่มีการปราศรัย หรือมีนัยทางการเมืองแอบแฝงแต่อย่างใด โดยทำบุญเสร็จแล้วพวกตนและคนอื่นๆ ก็จะเดินทางกลับโดยทันที