“เสี่ยบิ๊ก” ประธานบริหารสโมสรเพื่อนตำรวจ และผู้ถือหุ้นสโมสรฟุตบอลเรดดิ้งในอังกฤษ ร้องกองปราบปรามว่าถูกชายฉรรจ์ขู่ฆ่า เรียกเงิน 177 ล้าน ปมเหตุเงินกองทุน สกสค.
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พานายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือเดอะบิ๊ก นักธุรกิจพันล้าน เจ้าของบริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ประธานบริหารสโมสรเพื่อนตำรวจ และผู้ถือหุ้นสโมสรเรดดิ้ง แห่งศึกแชมเปียนชิพ ประเทศอังกฤษ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่นายสัมฤทธิ์ถูกทางกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติไม่ชอบ หรือ ป.ป.ป. แจ้งข้อหาว่ากระทำการสนับสนุนให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และผิดระเบียบวัตถุประสงค์การกู้ยืมเงินของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยมีการแจ้งความไว้ที่กองบังคับการปราบปราม และกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) ซึ่งเป็นการแจ้งความเท็จและไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อุ้มไปขู่ฆ่าเรียกเงิน 177 ล้านอีกด้วย
นายสัมฤทธิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อกลางปี 2556 ทางบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ต กรุ๊ป จำกัด ที่เป็นเจ้าของได้ดำเนินการริเริ่มจัดทำโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้ที่ดินจำนวน 1,200 ไร่ ที่ อ.หนองหญ้าป้อง จ.เพชรบุรี งบประมาณ 6,500 ล้านบาท หลังโครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นทาง สกสค.ได้นำเงินจำนวน 2,100 ล้านบาทมาร่วมลงทุนด้วย แต่หลังจากที่มีการร่วมทุนและอยู่ระหว่างการดำเนินการ ช่วงประมาณเดือนสิงหาคม ได้มีอดีตบอร์ดบริหารของ สกสค.คนหนึ่งเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนของทางกองปราบปรามเพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อเลขาฯ สกสค. จากนั้นวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมาอดีตบอร์ดบริหารคนดังกล่าวก็ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อตนที่ บก.ปปป.ด้วย โดยกล่าวหาว่าสนับสนุนเลขาฯ สกสค.ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
นายสัมฤทธิ์กล่าวต่อว่า จากนั้นอดีตบอร์ดคนดังกล่าวก็ได้ติดต่อตนเพื่อที่จะขอนัดพบ จนกระทั่งวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาทางอดีตบอร์ดคนดังกล่าวก็ได้โทรศัพท์มานัดหมายตนที่ค่ายลูกเสือแห่งหนึ่งใน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ทันทีที่ไปถึงก็มีชายฉกรรจ์ 9 คน 4 คนมีอาวุธปืน จากนั้นอดีตบอร์ดดังกล่าวได้ข่มขู่ให้ตนถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด พร้อมทั้งข่มขู่ให้ตนนั้นล้มล้างบอร์ดบริหารของ สกสค.เพื่อให้ทางอดีตบอร์ดคนดังกล่าวและทีมงานเข้ามาดำเนินการแทนเพื่อแลกกับการสนับสนุนเงินของกองทุนซึ่งมีมากกว่าหลายพันล้านบาท และขอให้จ่ายเงินค่าคอมมิสชันจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ และให้นำเงินจำนวน 177 ล้านบาทมาให้ ด้วยความกลัวจึงรับปากเขาไป จากนั้นเขาจึงปล่อยตัว
“เมื่อผมกลับถึงบ้านที่กรุงเทพฯ อดีตบอร์ดคนดังกล่าวได้โทรศัพท์มาเพื่อเรียกเงินจำนวน 77 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงวดแรก แต่ผมได้ปฏิเสธไป ทางฝั่งอดีตบอร์ดจึงได้ข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายและฆ่า อีกทั้งขู่นำระเบิดมาวางไว้ที่บ้านและที่ทำงาน จนผมทนไม่ไหวเข้าร้องกองปราบฯ ให้ช่วยเหลือด้วย” นายสัมฤทธิ์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้โดยจะสอบปากคำผู้เสียหายและตรวจสอบเอกสารทั้งหมดซึ่งในวันนี้ทางผู้เสียหายได้นำเอกสารการร่วมลงทุนระหว่าง สกสค.กับบริษัทของผู้เสียหายมาให้ รวมทั้งเอกสารต่างๆ จากการตรวจสอบพบว่าเอกสารถูกต้อง มีการระบุหลักเกณฑ์ชัดเจนว่าเงินกองทุนดังกล่าวนั้นเป็นการร่วมลงทุนจริง ไม่ใช่เป็นการกู้ยืมแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้จะทำการตรวจสอบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่ก่อเหตุนั้นมีใครบ้าง หากเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลก็จะเร่งดำเนินการขั้นเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว