ย้อนรอยความสำเร็จคดีฆ่าพระหมอ แม้อาชญากรจะวางแผนซับซ้อนแต่ย่อมทิ้งร่องรอยให้เห็น เผยกรรมวิธี “ไล่กล้อง” ตรวจวงจรปิดทั่วเมืองจนเจอกระบะทูตมรณะ ต่อเกมด้วยตรวจสอบการใช้มือถือของเป้าหมาย ทั้งคนสั่งฆ่า คนรับงานโยงสอดคล้องตั้งแต่วางแผนยันลงมือสังหาร ชี้ห้องประชุม “ฉัตรไพฑูรย์” กลายเป็นหนามยอกใจตำรวจอุดรฯ อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อ
แม้ขบวนการสังหารพระอาจารย์บัณฑิต สุปันฑิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด แห่งบ้านโนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี อันประกอบด้วย นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ หรือ เสี่ยบั๊ก เจ้าของโรงพยาบาลเอกอุดร คหบดีใหญ่ประจำจังหวัดในฐานะผู้ใช้จ้างวาน ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาล อดีต ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.อุดรฯช่วยราชการหน่วยปราบรามยาเสพติด ภ.อุดร นายปัญจ๋า หรือ โบ้ ชารีแสน ลูกจ้างประจำวิทยาลัยสารพัดช่าง จ.กาฬสินธุ์ นายบุญนาค หงษาคำ พนักงานขับรถสำนักงานชลประธาน จ.อุดรธานี จะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ทั้งหมดพร้อมให้การซัดทอดไปยังนายบรรเจิด ว่า เป็นผู้จ้างวาน 3 แสนบาทให้ฆ่าพระหมอ เนื่องจากเกิดความหึงหวง “หมอแก้ว” จักษุแพทย์ภรรยาคนที่ 3 ซึ่งไปปฏิบัติธรรมเป็นลูกศิษย์ใก้ลชิดของพระหมอ และเข้าใจผิดคิดว่ามีเรื่องสัมพันธ์ชู้สาวกันทั้งพยาน - หลักฐานต่างๆที่ค่อนข้างชัดเจนแต่สังคมทั่วไปโดยเฉพาะผู้คนในจังหวัดอุดรธานี ต่างยังคงให้ความสนใจกับคดีนี้ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริงทั้งหมด
เว้นแต่บางประเด็นที่ยังคลุมเครือไม่แน่ใจ นั่นก็คือ แรงจูงใจของเสี่ยบั๊ก ที่ลุแก่โทสะสั่งฆ่าบุคคลอันเป็นที่เคารพสักการะของผู้คนใน จ.อุดรธานี อย่างไม่ยั้งคิด ยิ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกา กับภิกษุหนุ่มอันเปรียบเสมือนน้ำมันและไฟหากปล่อยให้ใกล้กันเมื่อไหร่อันตรายอาจเกิดขึ้นได้ เพียงแต่ว่าการให้ ด.ต.ชาญชัย สะกดรอยเป็นเวลานานถึง 1 เดือน ก็ยังไม่มีพยานหรือหลักฐานใดๆ ส่อว่าจะเป็นเรื่องจริงตามความสงสัยนั้น
หรือหากพระกับสีกามีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมจริงก็ยังมีวิธีต่างๆอีกมากมายที่จะเล่นงานพระหมอ จากการสอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ รวมทั้งความเป็นผู้มีบารมีของนายบรรเจิด เองซึ่งทราบกันทั้งจังหวัดว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือสังคมพร้อมบริจาคเงินจำนวนมากให้กับหน่วยงานต่างๆทั้งเป็นทุนการศึกษาบุตร-หลานตำรวจ บริจาคสร้างสะพาน สร้างห้องประชุม “ฉัตรไพฑูรย์” ให้กับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่บนชั้น 2 ของ บก.ภ.จว.อุดรธานี มักใช้เป็นห้องประชุมภารกิจต่างๆของตำรวจที่นั่น
บารมีอันเกิดจากการให้ รวมทั้งเส้นสายต่างๆ ที่มีต่อข้าราชการระดับสูงของจังหวัดอุดรฯจนเป็นที่เกรงอกเกรงใจของใครต่อใคร อาจจะทำให้เผอเรอตัดสินใจไปด้วยอารมณ์โกรธ อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้นของคดีก็เริ่มมีเสียงจากผู้คนในจงหวัดอุดรธานี ทำนองว่า “เสี่ยบั๊ก” จะต้องสู้คดีอย่างสุดชีวิต เส้นสายเงินทองมีเท่าไหร่แน่นอนว่าคงทุ่มกันอย่างไม่กลัวหมดตัว เพราะหากผิดพลาด มีพยานหลักฐานมัดจนดิ้นไม่หลุดโทษสถานหนักที่รอข้างหน้าก็คือการประหารชีวิต
อีกประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไม่น้อยก็คือเบื้องหลังความสำเร็จของตำรวจ
เกี่ยวกับประเด็นนี้คงต้องย้อนกลับไปช่วงเกิดคดีใหม่ๆ หลังคนร้ายบุกยิงพระหมอเมื่อตอนเช้าตรู่วันที่ 1 มี.ค.2558 พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ลงพื้นที่ควบคุมการสอบสวนทันทีโดยอาศัยตำรวจหลายหน่วยของจังหวัดอุดรฯระดมออกหาข่าว วิธีแรกคือการ “ไล่กล้อง” เพื่อตามหารถกระบะมาสด้า สีขาวไม่ทราบหมายเลขทะเบียนจนเริ่มระแคะระคายว่ามือปืนที่ก่อเหตุน่าจะไม่ใช่คนอื่นไกลแต่เป็นตำรวจภายในจังหวัด และเป้าหมายสำคัญเริ่มเบนไปยัง “เสี่ยบั๊ก” เพราะช้างตายทั้งตัวใบบัวย่อมปิดไม่มิด ข่าวต่างๆส่งตรงไปยังผู้ช่วย ผบ.ตร. เมื่อเป้าเริ่มชัดเจนกรรมวิธีตรวจเช็คการใช้โทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องสงสัยจึงเริ่มต้นอย่างเงียบๆ
แน่นอนว่าวิธีนี้แค่เพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือจากบริษัทเอกชน ให้ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของบุคคลเป้าหมายย้อนหลังไป 1 เดือน ก็สามารถนำมาวิเคราะห์กับแนวทางสืบสวนได้อย่างคร่าวๆ จนเมื่อออกติดตามรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเพิ่มเติมขึ้นมาอีก การคำนวนวันเวลา รวมถึงจุดนัดพบก็มิใช่เรื่องยากอีกต่อไปโดยประเด็นนี้จะเห็นได้ว่าหลังมีคำสั่ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ให้ย้าย พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.จว.อุดรธานี และ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ประจำกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับมอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง กับนายตำรวจฝีมือดีอันเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 ทั้งหมดอีกจำนวนมากลงไปคลี่คลายคดีให้รวดเร็ว และเรียบร้อยที่สุด
นายตำรวจฝีมือดีที่ว่าประกอบด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.สันติบาล พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบช.สำนักงาน ผบ.ตร. พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.กองแผนงานกิจการพิเศษ อดีต ผบ.สส.ภาค 4 พล.ต.ต.สุวัจน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิล์ ภู่สาระ ผบก.ยุทธศาสตร์ และ พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4 รักษาการ ผบก.จว.อุดรธานี
แม้อาจจะถูกมองว่า ผบ.ตร. กำลังดัน นรต.36 แสดงผลงานอย่างเต็มที่แต่ปฏิบัติการลงพื้นที่ครั้งนั้น ต้องยอมรับว่า ได้ผลสำเร็จรวดเร็วเกินคาด เพราะเพียงวันเดียวจากที่ พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. เริ่มออกอาการอึดอัด ต้องขอผลบุญเข้าช่วยเจ้าหน้าที่ก็เปิดฉากจับนายปัญจ๋า หรือ โบ้ ชารีแสน เป็นคนแรกตามด้วย ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาล ซึ่งทราบกันดีว่าเคยทำหน้าที่ขับรถให้กับ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง เมื่อครั้งที่เป็น ผบก.จว.อุดรธานี มาก่อน และมาถึงคิวผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายบรรเจิด หรือ เสี่ยบั๊ก ฉัตรไพฑูรย์ เศรษฐีเจ้าของกิจการหลายแห่งใน จ.อุดรธานี รวมทั้งโรงพยาบาลเอกอุดร พร้อมกับ นายบุญนาค หงษาคำ ผู้ร่วมขบวนการฆ่าพระหมอเป็นคนสุดท้าย
หลังจากควบคุมตัวนายบรรเจิด ไว้แล้ว “เสี่ยบั๊ก” ปฏิเสธให้การใดๆ กับตำรวจ โดยขอให้การในชั้นศาล ส่วนผู้ต้องหา 3 คนต่างให้การสอดคล้อง โดยเฉพาะ ด.ต.ชาญชัย ลุกน้องคนสนิทนายพลคนดังระบุวันเวลา ราคาค่าจ้างและจุดนัดพบกับนายบรรเจิด เป็นฉากๆ กอปรกับพยานหลักฐานต่างที่ตำรวจรวบรวมไว้ได้ เช่น รถมาสด้าสีขาวคันก่อเหตุถูกนำไปพ่นเป็นสีดำ สามารถตรวจยึดไว้ได้ ส่วนปืนของกลางอันเป็นปืนเถื่อนดัดแปลงจากลำกล้องลูกซองมาเป็นเอ็ม 16 นายปัญจ๋า สารภาพว่า หลังก่อเหตุได้นำไปทำลายทิ้งโดยใช้ตะไบตัดเหล็กหั่นออกเป็นท่อนๆ แล้วใช้หนังสติ๊กยิงทิ้งในลำน้ำชีซึ่งตำรวจลงงมเก็บมาได้จำนวนหนึ่ง
รายละเอียดทั้งหมดที่รวบรวมมานี้จึงเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้ทำงานอย่างลวกๆ สุกเอาเผากิน หรือเปิดช่องให้ผู้ต้องหามีโอกาสหลุดอย่างง่ายๆ แต่เป็นการรวบรวมให้เกิดความแน่ใจเพื่อผลในการตัดสินคดี ส่วน นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ คหบดีใหญ่แห่งจังหวัดอุดรธานี นั้นเส้นทางของชีวิตที่กำลังตกต่ำกลายเป็นผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ ต่อจากนี้ไปทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างไม่สามารถเรียกกลับมาได้ กระทั่งห้องประชุม “ฉัตรไพฑูรย์” ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ก็ยังถูกตั้งข้อรังเกียจ สิ่งก่อสร้างต่างๆ อันเป็นสัญลักษณ์ของความเฟื่องฟูอาจถูกปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม...
นี่แหละคือความไม่แน่นอนของชีวิตของผู้ยิ่งใหญ่แห่งอุดรธานี