บริษัท โซลูชั่นคอนเนอร์ (1998) หรือ SLC ฟ้องหมิ่นฯ บมจ.และผู้บริหารในเครือเนชั่น หลังใส่ร้ายบริษัทว่าเป็นกลุ่มทุนสีเทา มีเจตนาครอบงำกิจการสื่อสารมวลชน เป็นตัวแทนเชิดของกลุ่มชินวัตรเข้าซื้อหุ้น บมจ.เนชั่น เรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านบาท
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โซลูชั่นคอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC เดินทางมาพร้อมกับนายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความ เพื่อยื่นฟ้อง บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท กรุงเทพธุรกิจ มีเดีย จำกัด, นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการ บมจ.เนชั่นฯ และผู้เขียนคอลัมน์ในหนังสืมพิมพ์และเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ, น.ส.ดวงกมล โชตะนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เนชั่น, นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น ประธานกรรมการ บมจ.เนชั่น และผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.เนชั่นฯ, นายเสริมสิน สมะลาภา รองประธานกรรมการ บมจ.เนชั่นฯ, นายพนา จันทรวิโรจน์ กรรมการบริหารบมจ.เนชั่นฯ, น.ส.ณัฐวรา แสงวารินทร์ กรรมการ บมจ.เนชั่น, นายจักรกฤษ เพิ่มพูน บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนายนิติราษฎร์ บุญโย บรรณาธิการข่าวออนไลน์และผู้ดูแลเว็บไซด์กรุงเทพธุรกิจ เป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 89/6-7, 89/24, 281/2, 296, 298 , พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14, 15, พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 และร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และกระทำละเมิดพร้อมเรียกค่าเสียหาย 2,343,005,267.90 บาท
ตามคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 23 ธ.ค.57 - 13 ม.ค. 2558 จำเลยทั้งสิบ ร่วมกันนำเสนอข่าวที่ก่อให้การความเสียหายแก่ SLC โดยทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นผู้อ่านข่าวเชื่อว่าบริษัทโจทก์ไม่มีความน่าเชื่อถือ การดำเนินธุรกิจของบริษัทโจทก์มีความน่าเคลือบแคลงสงสัย โดยมีการอ้างแหล่งข่าวและสร้างกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้ครบองค์ประกอบที่จะนำเสนอข่าวและใช้สื่อทุกแขนงสร้างกระแสข่าวให้ประชาชนเชื่อว่ากลุ่มทุนมีเจตนาครอบงำกิจกรรมการสื่อสารมวลชน นอกจากนี้พวกจำเลยยังร่วมกันโดยเจตนาที่จะหมิ่นประมาทโจทก์ทำให้ได้รับความเสียหายและอาจต้องรับโทษทางอาญา ที่กล่าวหาว่า SLC เข้าซื้อหุ้น บมจ.เนชั่นฯ หรือ NMG จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและกล่าวหาว่า SLC เป็นตัวแทนเชิดของกลุ่มชินวัตร หวังจะเข้าบริหารสื่อทีวีดิจิตอลและควบคุมสื่อไว้ในมือเพื่อต้องการควบคุมทิศทางข่าวสังคมให้เป็นไปในแนวทางที่ต้องการโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องฯ คุณธรรมจริยธรรมมีแหล่งที่มาของเงินซึ่งน่าสงสัย ขณะที่การกระทำของจำเลยทั้งสิบที่เป็นการร่วมกันแพร่หลายข้อความที่ฝ่าฝืนต่อความเป็นจริงทำให้โจทก์เสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณในการทำมาหาได้หรือทางเจริญของโจทก์ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำละเมิด โจทก์จึงขอให้จำเลยทั้งสิบต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์รวมทั้งสิ้น 2,343,005,267.90 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันถัดฟ้อง (24 มี.ค. 58) รวมทั้งให้จำเลยทั้งสิบโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ รวม 9 ฉบับและในเว็บไซด์ของหนังสือพิมพ์ 5 แห่ง เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน และให้ถอดถอนจำเลยที่ 3-8 ออกจากการเป็นกรรมการ บมจ.เนชั่นฯ ถอดถอนจำเลยที่ 8 ออกจากการเป็นกรรมการ บจก.กรุงเทพธุรกิจฯ ถอนถอนจำเลยที่ 9 และ 10 ออกจากตำแหน่งผู้บริหาร บจก.กรุงเทพธุรกิจฯ และห้ามไม่ให้จำเลยที่ 3-10 เป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รวมถึงบริษัทย่อยหรือบริษัทลูกของบริษัทที่จดทะเบียนและบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชน เป็นเวลา 5 ปี
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1082/2558 เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 6 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ภายหลัง นายสุวัตร ทนายความของ SLC กล่าวว่า ได้ยื่นฟ้องบริษัท เนชั่นฯ และพวกรวม 10 ราย พร้อมเรียกค่าเสียหายเป็นทุนทรัพย์ 2,343 ล้านกว่าบาท กรณีเนื่องจากระหว่างเดือน ธ.ค. 2557 - เดือน ม.ค. 2558 หนังสือพิมพ์เนชั่นฯ และเว็บไซต์ในเครือมีการเสนอข่าวโจมตีบริษัท SLC ว่ามาฮุบหุ้นของเนชั่นฯ เป็นกลุ่มทุนสีเทา เพื่อต้องการจะครอบงำสื่อและมีพฤติการณ์ปั่นหุ้น ทำการซื้อขายหุ้นโดยมิชอบ การฟ้องครั้งนี้เป็นการฟ้องตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย หากว่าจำเลยที่บริหาร เนชั่นฯ ศาลฟังว่ามีความผิด ศาลจะมีคำสั่งห้ามไม่ให้เป็นกรรมการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย
ด้านนายอารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLC กล่าวว่า เรื่องที่ฟ้องมี 3-4 ประเด็น ประเด็นแรกคือ ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มทุนสีเทา ประเด็นที่ 2 ถูกกล่าวหาว่าเข้ามาครอบงำสื่อ เราพิจารณาแล้วเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการร่วมมือกัน มีการวางแผนทำงานกันเป็นทีม จึงควรจะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับการกระทำดังกล่าวด้วย ประเด็นที่ 3 คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 และ ประเด็นที่สี่ ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ส่วนกรณีที่ตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยไปร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ตรวจสอบว่ามีการปั่นหุ้นของ บมจ.เนชั่นฯหรือไม่นั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้มีการตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใสชัดเจน แต่กรณีดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลดีหรือผลเสียต่อบริษัท SLC แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายอารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLC ก็ได้ยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาทฯ ต่อนายธนา ทุมมานนท์ กรรมการบริษัท เคเบิ้ลไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการ บมจ.เนชั่นฯ มาแล้วรวม 2 สำนวนคดีหมายเลขดำ อ. 133/2558 อ.134/2558 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ต่อศาลอาญา จากกรณีที่โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กกล่าวหากลุ่ม SLC เป็นทุนของตระกูลชินวัตร เข้ามาซื้อหุ้น บมจ.เนชั่น เพื่อต้องการครอบงำสื่อ ซึ่งศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ทั้งสองสำนวนในวันที่ 30 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.