ศาลสั่งจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา “ชาย อานันท์ทวีป” พ่วง “วู้ดดี้- แจ๊ค แฟนฉัน” คนละ 1 ปี หมิ่นประมาท “ไฮโซแชมป์” เบี้ยวเงินจัดประชาสัมพันธ์คอนเสิร์ตที่ภูเก็ต ด้านทนายความยื่นเงินสดคนละ 1 แสนบาทขอประกันตัว
ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 10.00 น ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1229/2556 ที่บริษัท ไซดิคทิฟ อีเลเมนท์ จำกัด และนายจิรัฏฐ์ หรือแชมป์ เพชรนันวงศ์ เป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้อง นายอานันท์ทวีป หรือชาย ชยางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อานันท์ทวีป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทจัดงานประชาสัมพันธ์, น.ส.สิริลดา ชยางกูร ณ อยุธยา น้องสาว, น.ส.เจฌิญา อภิชาตมณี, นางเพ็ญ สุขสมบูรณ์วงศ์, นายวุฒิธร หรือวู้ดดี้ มิลินทจินดา ผู้ดำเนินรายการ “เช้าดูวู้ดดี้” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี และนายเฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ หรือ “แจ๊ค แฟนฉัน” ผู้ดำเนินรายการร่วม เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 และ 332
โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 1-6 มี.ค. 2556 จำเลยที่ 1-4 ได้ส่งจดหมายเชิญสื่อมวลชนมาทำข่าว ที่จำเลยที่ 1 และพวกได้เข้าแจ้งความโจทก์ที่กองบังคับการกองปราบปราม โดยจำเลยทั้งสี่ ร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ กล่าวหาว่า บริษัทโจทก์ที่ 1 จัดงานแสดงคอนเสิร์ตไม่เป็นไปตามที่โฆษณา และกล่าวหาว่า นายจิรัฎฐ์ โจทก์ที่ 2 โกงเงินค่าจ้างจัดออแกไนซ์ และประชาสัมพันธ์คอนเสิร์ต เมื่อเดือน ธ.ค. 2555 และเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2556 จำเลยที่ 1 ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เช้าดูวู้ดดี้” โดยมีจำเลยที่ 5-6 เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งใส่ความโจทก์เบี้ยวค่าจ้างการทำประชาสัมพันธ์งานคอนเสิร์ต รวมทั้งพาดพิงน้องสาวและบิดาโจทก์ ในทางที่เสื่อมเสีย ซึ่งการกระทำของพวกจำเลยทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายและให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันด้วย ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลยนำสืบแล้ว เห็นว่า โจทก์มีนายจิรัฎฐ์ โจทก์ที่ 2 เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2556 จำเลยที่ 1ได้มีหนังสือเชิญสื่อมวลชนให้มาทำข่าวที่กองปราบปราม ในวันที่ 6 มี.ค. เวลา 09.30 น. ซึ่งจำเลยที่ 1ได้พาผู้ที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตเข้าแจ้งความกล่าวหาว่าโจทก์ ไม่ได้จัดงานตามรูปแบบที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ แล้วต่อมาวันที่ 8 มี.ค. 2556 จำเลยที่ 1ได้ไปออกรายการที่จำเลย 5-6 เป็นผู้ดำเนินรายการอยู่
ศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงจากการนำสืบและพยานหลักฐานที่ปรากฏ เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งสื่อมวลชนให้มาทำข่าวในการแจ้งความ จากเหตุประกอบธุรกิจจาเหตุประกอบธุรกิจกับโจทก์แล้วได้มีการให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า โจทก์ชำระเงินค่าจ้างไม่ครบและไม่จัดงานคอนเสิร์ตตามที่ได้มาการโฆษณา โดยนำภาพถ่ายมาแสดงประกอบการให้ข่าว โดยมีจำเลยที่ 2-4 ที่เดินทางมาตามการนัดหมายของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือภาพประกอบ ย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่การที่สื่อได้สัมภาษณ์จำเลยที่1 แต่เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 เชิญสื่อมวลชนมาโดยมุ่งหวังให้มีการแพร่หลายของข่าวในประการที่จะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งการให้ข่าวดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตหรือเป็นธรรมตามวิสัย เพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากปัญหาธุรกิจส่วนตัวระหว่างโจทก์-จำเลย ซึ่งหากมีการกระทำใดที่มีการผิดสัญญาจริง จำเลยที่ 1 ก็สามารถที่จะยื่นฟ้องเป็นคดีแพ่งเพื่อคุ้มครองสิทธิและเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ได้ ซึ่งปรากฏว่าได้มีการฟ้องเป็นคดีแพ่งต่อศาลจังหวัดพระโขนงแล้ว และคดีก็อยู่ระหว่างอุทธรณ์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่า ภาพถ่ายที่นำมาแสดงประกอบของจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้ใช้เป็นเอกสารประกอบการแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ออกหนังสือเชิญสื่อมวลชน แต่มีบุคคลอื่นเป็นผู้ดำเนินการนั้น เห็นว่าหนังสือออกโดยชื่อของจำเลยที่ 1 หากไม่ใช่จำเลยที่ 1 ย่อมจะไม่ยินยอม ขณะที่ปรากฏจ้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 กับพวก ก็ได้ไปกองปราบปรามตามวัน-เวลาที่ได้นัดหมายในหนังสือเชิญ ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามมาตรา 328 โดยมีจำเลยที่ 2-4 ร่วมกระทำความผิด
ส่วนที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้ไปออกรายการ “เช้าดูวู้ดดี้” ที่มีจำเลยที่ 5 -6 เป็นผู้ดำเนินรายการร่วมกัน แม้นายวุฒิธร จำเลยที่ 5 จะอ้างว่าเพียงแต่เรียกชื่อพี่ชายไฮโซน้ำหวาน แต่บุคคลทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้ว่าเป็นตัวโจทก์นั้น ศาลเห็นว่าจากการนำสืบจำเลยที่ 5 ที่ได้มีการเชิญจำเลยที่ 1 มาออกรายการเป็นกรณีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ย่อมแสดงให้เห็นว่าบุคคลทั่วไปจะเข้าใจว่าโจทก์คือใคร ซึ่งแม้ว่าจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นสื่อมวลชนจะมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ก็ต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง และในฐานะสื่อมวลชน นอกจากต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองแล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ทำให้บุคคลอื่นหรือสังคมได้รับความเสียหาย ไม่ใช่เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลในรายการโดยขาดการไตร่ตรองและวิเคราะห์ข้อมูลไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของบุคคลใด การกระทำของจำเลยที่ 1, 5-6 จึงเป็นการร่วมกันใช้ข้อความซึ่งมีลักษณะตำหนิ การตั้งคำถามในลักษณะสอดรับกัน และเป็นการใช้คำพูดที่มีลักษณะเป็นการใส่ความ ทำลายชื่อเสียงของโจทก์
จึงพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-6 เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตาม ม.328 ประกอบ ม.83 ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกระทงความผิด ให้จำคุกนายอานันท์ทวีป หรือชาย จำเลยที่ 1 รวมทั้งสิ้น 3 ปี และนายวุฒิธร หรือวู้ดดี้, นายเฉลิมพล หรือแจ๊ค จำเลยที่ 5- 6 ให้จำคุกคนละ 1 ปี โดยเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ของ นายอานันท์ทวีป หรือ ชาย จำเลยที่ 1, นายวุฒิธร หรือวู้ดดี้ และนายเฉลิมพล หรือแจ๊ค จำเลยที่ 5-6 แล้ว เห็นว่า จำเลยที่1 เป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำความผิดซึ่งทราบดีว่าโจทก์มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน และจำเลยที่ 1 สามารถใช้สิทธิในการฟ้องคดีแพ่งอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จำเลยที่ 1 จะต้องเรียกนักข่าวมาทำการแถลงข่าวหรือออกรายการของจำเลยที่ 5-6 แต่จำเลยกลับอาศัยโอกาสของตนในการเผยแพร่ข้อมูลให้แพร่หลายทำให้เกิดความเสียหายก่ผู้อื่นผ่านสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์ ที่มีการแพร่ข้อมูลอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง นอกจากนี้ จำเลยที่ 5-6 ซึ่งประกอบอาชีพเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ จะต้องมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ ไม่ใช่การแสวงหาโอกาสจากการประกอบอาชีพโดยการจัดรายการและจะต้องมีความรับผิดชอบในการสื่อสารข้อมูล หรือการเสนอข่าวต่อสื่อมวลชน เสนอข้อเท็จจริงด้วยการกลั่นกรองข้อมูลโดยรอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อผู้ใด การกระทำของจำเลยที่ 1, 5-6 จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ส่วน น.ส.สิริลดา, น.ส.เจฌิญา และ นางเพ็ญ จำเลยที่ 2-4 ที่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ให้จำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 100,000 บาท แต่เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์แล้ว การกระทำของจำเลยที่ 2-4 เป็นเพียงการรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด และร่วมกันทำให้ข้อกล่าวอ้างของจำเลยที่ 1 มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2-4 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับมีที่อยู่การทำงานเป็นหลักแหล่ง ดังนั้นโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ทั้งนี้หากจำเลยที่ 2-4 ไม่ชำระค่าปรับก็ให้กักขังแทนค่าปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และ 30
นอกจากนี้ ให้จำเลยที่ 1-6 ร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาย่อใน นสพ. เอเอสผู้จัดการรายวัน, ไทยรัฐ, เดลินิวส์ และมติชน เป็นเวลา 7 วันติดต่อกันด้วย
ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว ทนายความ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายอานันท์ทวีป หรื ชาย จำเลยที่ 1, นายวุฒิธร หรือวู้ดดี้ และนายเฉลิมพล หรือแจ๊ค จำเลยที่ 5-6 ระหว่างอุทธรณ์ต่อสู้คดี โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 100,000 บาท ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ขณะที่ นายจิรัฏฐ์ หรือไฮโซแชมป์ โจทก์ซึ่งเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง กล่าวว่า ขอบคุณสื่อมวลชนและขอขอบคุณศาลที่ให้โอกาสตัวเองได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งตนสู้เรื่องนี้มากว่า 2 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ได้รับผลกระทบทางธุรกิจหลายอย่าง ซึ่งคงจะฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อไป อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไม่ได้มองว่าเป็นศัตรู หรือจะทำร้ายกัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนถูกกล่าวหาในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ส่วนคนที่มองจากภายนอกก็ไม่ได้ทราบว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ขณะที่ตนก็มีความมั่นใจตั้งแต่แรกเพราะความจริงก็คือความจริง ส่วนความรู้สึกวันนี้ คือตนได้รับความเป็นธรรมแล้ว
ภายหลังศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันทั้งสามรายโดยตีราคาประกัน 3 แสนและ 1 แสนบาทตามคำร้อง
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. นายวุฒิธร หรือ วู๊ดดี้ มิลินทจินดา เปิดเผยหลังได้ประกันตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ขอโทษคนไทยด้วยที่ทำให้ผิดหวัง ก็ยอมรับคำพิพากษาของศาล และฝากขอโทษแชมป์ด้วยที่ทำให้เสียเวลา เสียความรู้สึก ตอนนี้รู้สึกเสียใจมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 3ปีมาแล้วก็ยอมรับว่าการนำเสนอรายการไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ละเอียดมากพอแต่ ชีวิตยังต้องเดินต่อไป ยังไม่ทราบว่าส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ หลังจากนี้จะขอกลับบ้านไปหาคุณแม่ก่อนเช่นเดียวกับแจ๊คที่รู้สึกเป็นห่วงมากและโทรมาสอบถามตลอด ส่วนการทำงานก็ตั้งใจทำงานเหมือนเดิม ตนกับแชมป์ก็ไม่ได้มีปัญหากันก็จะทำงานต่อไปขณะที่เรื่องคดีความก็ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ด้าน นายเฉลิมพล หรือแจ๊ค แฟนฉัน กล่าวด้วยสีหน้าเศร้า ว่า ขอโทษที่ทำอะไรไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อทำผิดก็ต้องขอโทษ ซึ่งตอนนี้ก็คงจะทำงานให้เต็มที่ และระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น โดยส่วนตัวตนกับทางพี่แชมป์ และพี่วู๊ดดี้ก็ไม่ได้โกรธเคืองกัน