xs
xsm
sm
md
lg

“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ฟ้องหมิ่น “พระมหาโชว์” เรียกค่าเสียหาย 60 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

หลวงปู่พุทธะอิสระ เดินทางมายื่นฟ้องพระมหาโชว์กับพวก ฐานแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท ที่ศาลอาญา
“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ฟ้อง “พระมหาโชว์-ผศ.เสถียร” ให้สัมภาษณ์มิ่นประมาท และแจ้งความเท็จให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เบื้องต้นศาลรับคำฟัองไว้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป ก่อนฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายคนละ 60 ล้าน



ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (17 มี.ค.) พระพุทธะอิสระ หรือพระสุวิทย์ ธีรธัมโม เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพระมหาโชว์ ทสสนิโย ผอ.สำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และ ผศ.เสถียร วิพรมหา อาจารย์ประจำภาควิชา สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ของมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172, 174 และ 326

คำฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 6, 8 และ 14 มี.ค. 2558 จำเลยได้แจ้งความต่อ ร.ต.ท.วีระยุทธ ไทยสุระ พนักงานสอบสวน กก.1 ป. กล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2558 โจทก์ได้บุกรุกและกระทำการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช และหาว่าโจทก์ใส่ความคณะสงฆ์เพื่อให้เกิดความแตกแยก โดยจำเลยทั้งสองมีทุจริต ประสงค์ให้โจทก์รับโทษทางอาญา จะได้ขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์ อันเป็นความเท็จ ต่อมาวันเดียวกันจำเลยได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนคนเดิมหาว่าโจทก์นำมวลชนบุกรุกวัดปากน้ำภาษีเจริญพร้อมด้วยทหารและอาวุธครบมือ โดยได้นำสิ่งสกปรกโสโครกอ้างว่าเป็นสังฆทานไปมอบแก่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อันเป็นการลบหลู่ พูดจาคุกคาม ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้บุกรุก และจำเลยทั้งสองทราบดีว่าวัดปากน้ำภาษีเจริญเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่พลเมืองมีสิทธิตามกฎหมายที่จะใช้สอยได้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) ดังนั้น เมื่อโจทก์หรือพุทธศาสนิกชนผู้ใดจะเข้าไปภายในวัดปากน้ำภาษีเจริญเป็นการชั่วคราว ในเวลากลางวันก็สามารถทำได้ ประกอบกับในเวลาที่โจทก์เข้าไปภายในบริเวณวัดปากน้ำภาษีเจริญ ยังได้มีพระพรหมโมลีได้มาพบโจทก์เพื่อทักทายปราศรัยสนทนากันโดยปกติวิสัยของภิกษุที่พึงกระทำต่อกันโดยปกติ หาได้มีการขับไล่โจทก์ให้ออกไปจากวัดแต่อย่างใด อีกทั้งโจทก์มิได้นำเป็นผู้นำทหารพร้อมอาวุธติดไปด้วยตามที่จำเลยกล่าวอ้าง นอกจากนี้ โจทก์มิได้กระทำการใดอันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อีกทั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ยังมิได้รับการแต่งตั้งหรือสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชแต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองกล่าวอ้างข้อความอันเป็นเท็จ มีเจตนาใส่ร้ายกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับโทษทางอาญา

ต่อมาวันที่ 8 มี.ค. จำเลยที่ 2 ได้จัดแถลงข่าวที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ทำนองว่า “ในช่วงที่มีความวุ่นวายทางการเมือง มีหลักฐานชัดเจนว่าพระพุทธะอิสระ หรือโจทก์เดินทางไปเรียกรับผลประโยชน์กับโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข้อความการแถลงข่าวดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริง ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2558 จำเลยได้แจ้งความต่อพระครูอุดมพัฒนคุณ เจ้าอาวาดวัดพระไกรสีห์ บางกะปิ ในฐานะเจ้าคณะแขวงบางกะปิ วังทองหลาง ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 กล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดขอให้ลงโทษตามกฎมหาเถรสมาคม โดยหาว่าโจทก์ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย โดยกรรโชกทรัพย์จากโรงแรมเอสซี ปาร์ค เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2551 ต้องปาราชิก จนมีหนังสือพิมพ์หลายฉบับนำไปเสนอข่าว นอกจากนี้จำเลยยังมีการกระทำอื่นๆ โดยมีเจตนาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย หลายครั้งหลายหน จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 173, 173 และ 174

ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ อ.985/2558 และจะได้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้พระพุทธะอิสระยังได้ไปยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่งในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหายคนละ 60 ล้านบาทอีกด้วย

พระพุทธะอิสระกล่าวว่า กรณีเหตุการณ์ที่โรงแรมเอสซีปาร์คนั้น ในวันดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเงินค่าเสียหายมามอบให้ด้วยตนเอง จึงไม่ได้เป็นการกระทำผิดแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีวัดพระธรรมกายที่ผู้จัดการสหกรณ์ฯ คลองจั่น จะมีการยอมความและถอนฟ้องคดีนั้นมองอย่างไร พระพุทธะอิสระกล่าวว่า เมื่อความผิดเกิดขึ้นแล้วคงจะไม่สามารถยอมความกันได้ และเชื่อว่าในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น