ศาลเลื่อนตรวจหลักฐาน “แนวร่วมชุดดำ” ครอบครองอาวุธปืนสงคราม-ระเบิดเอ็ม 79 ช่วงเสื้อแดงชุมนุมแยกคอกวัว-ถนนราชดำเนิน ปี 53 เหตุรออัยการ-ดีเอสไอ ชี้ขาดสั่งฟ้องเพิ่มข้อหาก่อการร้ายหรือไม่ นัดอีกครั้ง 23 มี.ค.นี้
ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (2 มี.ค.) ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดี อ.4022/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 46 ปี ชาวกรุงเทพฯ, นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 25 ปี ชาวเชียงใหม่, นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา อายุ 34 ปี ชาวอุบลราชธานี, นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย อายุ 46 ปี ชาวกรุงเทพฯ และนางปุนิกา หรืออร ชูศรี อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพฯ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ หรือชุมชน และมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ตาม พ.ร.บ อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ 2490 มาตรา 4, 8 ทวิ, 55 , 72 ทวิ และ 78 สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยทั้งห้ากับพวกที่ยังหลบหนี และพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว ร่วมกันพกอาวุธ เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิดที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินให้เกิดความเสียหายได้ เช่น เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79, ปืนเอ็ม 16, ปืนเอชเค (HK) หรือปืนอาก้า ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถ.ตะนาว, ถ.ประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร ในช่วงที่มีกลุ่มชายชุดดำระหว่างการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขณะที่ระหว่างพิจารณาชั้นศาลทั้งหมดไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความที่ดูแลคดีให้กลุ่มจำเลยเปิดเผยว่า ศาลได้เลื่อนตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน เนื่องจากรอฟังคำสั่งพนักงานอัยการเกี่ยวกับจำเลยทั้งหมดในคดีนี้ว่าจะฟ้องข้อหาก่อการร้ายเพิ่มอีกหรือไม่ เดิมพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปสำนวนควรฟ้องจำเลยทั้งห้าในข้อหาครอบครองอาวุธปืนและก่อการร้าย แต่ชั้นอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องเฉพาะข้อหาครอบครองอาวุธปืน แล้วสั่งไม่ฟ้องข้อหาก่อการร้าย ดังนั้น อัยการจึงต้องส่งความเห็นและสำนวนกลับไปให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาชี้ขาดตามขั้นตอนกฎหมายว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่ หากอธิบดีดีเอสไอเห็นแย้งโดยยืนยันว่าจะให้ฟ้องจำเลยทั้งห้าในข้อหาก่อการร้ายตามสำนวนการสอบสวนเดิม อัยการก็จะต้องแก้ไขคำฟ้องคดีนี้โดยเพิ่มข้อหาก่อการร้าย แต่หากอธิบดีดีเอสไอเห็นด้วยตามคำสั่งอัยการที่ไม่ฟ้องข้อหาก่อการร้าย คดีในส่วนนี้จะยุติไป แล้วจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปในส่วนเฉพาะข้อหาครอบครองอาวุธปืน ศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานคดีครอบครองอาวุธฯ อีกครั้งในวันที่ 23 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.