xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้องคดีลักรถตู้ ช่วงม็อบ พธม.ปี 51 ชี้ไม่มีพยานหลักฐาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายเอกพล น้อยเงิน อายุ 32 ปี
ศาลยกฟ้องคดีลักทรัพย์รถตู้สำนักเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ช่วงชุมนุม พธม.ปี 51 ชี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานว่าจำเลยก่อเหตุลักทรัพย์ จึงยกประโยชน์ความสงสัย

ที่ห้องพิจารณา 613 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (2 มี.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2238/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเอกพล น้อยเงิน อายุ 32 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 และ 357 ประกอบมาตรา 83

กรณี เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2556 พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.วัชรพงษ์ ฉายวัฒนะ รอง ผกก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายเอกพล น้อยเงิน ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน หรือร่วมกันรับของโจร จับกุมได้ที่บริเวณหน้าบริษัท ทาดาฮาชิ จำกัด ซอยรุ่งเจริญ ถนนริมคลองชลประทานสุวรรณภูมิ ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาลได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์สินรถตู้ ทะเบียน 41-5160 กทม. และรถยนต์อีก 2 คัน รวมมูลค่า 3.5 ล้านบาท ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองระหว่างวันที่ 26 ส.ค. 2551 - 2 ธ.ค. 2551 ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนกองปราบปราม ทราบว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวกก่อเหตุลักทรัพย์แล้วหลบหนีไป จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัว

โดยนายเอกพลให้การปฏิเสธว่า ช่วงระหว่างการชุมนุมทางการเมืองได้เข้าไปขายของในทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น ไม่ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ตามที่ถูกออกหมายจับแต่อย่างใด

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ และจำเลย แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่า เมื่อเดือน ส.ค. 2551 กลุ่ม พธม.ได้ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ทำให้ข้าราชการไม่สามารถเข้าทำงานได้ปกติ กระทั่ง 2 ธ.ค. 2551 กลุ่ม พธม.ได้ยกเลิกการชุมนุมแล้ว ภายหลังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีฯ ผู้เสียหาย ได้ตรวจสอบทรัพย์สิน พบรถตู้ และรถยนต์หายไป จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์ผู้เสียหายไปหรือไม่ ทางนำสืบโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ลักเอารถผู้เสียหายไป คงมีเพียงผู้รับมอบอำนาจจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีฯ ผู้เสียหาย เบิกความว่า หลังจากพบทรัพย์สินหายไป จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน และมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดรถยนต์ ของผู้เสียหาย เบิกความว่ามีกุญแจรถยนต์และรถตู้ที่หายไป พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังมีความสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง จึงพิพากษายกฟ้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น