รายงานอาชญากรรม
แฉอาณาจักร “เฮง มาริโอ” เจ้าพ่อตู้พนันไฟฟ้าแห่งประเทศไทย เคยดัดหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. มาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน ล่าสุด เจอทหารบุกจับ “หวั่น” เป็นมวยล้มเพราะ “เสี่ยเฮง” เส้นแข็ง
แม้ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับโรงพักจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สำหรับคนในแวดวงสีกากี รวมทั้งสังคมต่างคอยสังเกตปรากฏการณ์บางอย่างที่คุ้นเคยกัน นั่นคือการกลับมาของธุรกิจ “สีเทา”
โดยมีเหตุผลสนับสนุนแนวคิดนี้ คือ ถ้าไม่มีการวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้กันจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้อง “ถอนทุน” แน่นอนว่าอะไรจะเป็นกอบเป็นกำ และดีไปกว่าเงินส่วนจากการเปิดบ่อน เปิดซ่อง ซึ่งกิจการทั้ง 2 อย่างมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ถ้าไม่สันทัดกรณีจริงๆ หรือทำการบ้านกันมาก่อน บรรดา “ผู้กำกับ - รองผู้กำกับ - สารวัตร” ในพื้นที่ เกรด A จะยอมเสี่ยงลงทุน 7 - 8 หลักกันหรือ
“การลงทุนมีความเสี่ยง” โฆษณาเตือนสตินักลงทุนอาจนำมาล้อนายตำรวจบางคนที่ได้เก้าอี้มาจากการซื้อขายตำแหน่ง
เมื่อเสี่ยงจึงต้องหาข้อมูล และมีความเชื่อมั่นว่าเมื่อลงทุนไปแล้วจะไม่สูญเปล่า...ว่ากันยามปกติแม้จะขาดบ่อนใหญ่ - ตู้ม้า แต่ในทุกกองบัญชาการ ตั้งแต่ 1 - 9 รวมทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ย่อมมีหม้อข้าวใบเล็กใบน้อยมีมูลค่าหลายล้านบาทต่อเดือนอยู่แล้ว
เริ่มจากสถานบริการ ที่มีทั้งได้รับอนุญาตถูกต้อง - ไม่ถูกต้อง สถานบริการผิดประเภทมีการค้าประเวณี เปิดขายเหล้าเกินเวลา บรรดาโต๊ะสนุกเกอร์ทั้งหลายซึ่งมีการพนันแอบแฝงอย่างแน่นอน สินค้าต้องห้ามต่างๆ เช่น ละเมิดลิขสิทธิ์ ประเภทเข้าข่ายลามกอนาจาร ส่วยจากการจราจร ส่วยสำนวนคดี ส่วยตู้แดง...มากบ้างน้อยบ้างหากอยู่อย่างพอเพียงสมมติว่าฝ่ายสืบสวนทั้งโรงพักเคยได้เบี้ยเลี้ยงคนละ 2 หมื่นบาท มาวันนี้เหลือ 7 - 8 พันบาท ก็ยังพออยู่ได้...
ส่วยจึงเป็นวัฒนธรรมที่ไม่เคยขาดหายไปจากวงการสีกากีบ้านเรา
และสิ่งที่พิสูจน์ว่า “ส่วยตำรวจ”ในยุค คสช. คืนความสุขแก่ประชาชนยังมีอยู่ขอให้ติดตามข่าวทหาร ม.1 รอ. บุกตรวจค้นร้านเกมแห่งหนึ่งในห้างเอสพลานาด ห้วยขวาง กทม. ก่อนวิเคราะห์เจาะลึกกันลงไปขอให้อ่านรายละเอียดข่าวนี้กันอีกครั้ง เพราะมีบางช่วงบางตอนมีตำรวจกลุ่มหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
รายละเอียดข่าวชิ้นนี้ระบุว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง กทม. พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิ์พงศ์โสพน รอง ผบ.ม.1 รอ. คณะทำงานพิเศษคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำกำลังทหารกว่า 30 นาย เข้าตรวจค้นภายในร้านเกมมินิแลนด์ ชั้น 2 ของห้างดังกล่าวพร้อมยึดตู้เกม 12 ตู้ แบ่งเป็นตู้ยิงปลา 8 ตู้ ยิงเครื่องบิน 2 ตู้ ยิงแมลง 2 ตู้และควบคุม น.ส.กนกพร บุญมีศรีทรัพย์ อายุ 26 ปี ผู้จัดการร้านมินิแลนด์ พร้อมพนักงานร้านอีก 4 คน ไปสอบสวนที่ พล.ม.2
พ.อ.นพสิทธิ์ กล่าวว่า ได้รับเบาะแสลักลอบเปิดตู้เกมพนันไฟฟ้า จึงส่งสายแฝงตัวเข้ามาตรวจสอบพบว่ามีการเปิดบริการให้กับประชาชนจริง ซึ่งในระหว่างการเข้าจับกุมนั้นมีชายฉกรรจ์ประมาณ 7 - 8 คน อ้างตัวเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ทำการปิดสวิตช์ตู้เกม และพยายามขนย้ายตู้เกมออกนอกพื้นที่ ทหารจึงแสดงตัวแล้วแจ้งให้หยุดการกระทำ กลุ่มชายฉกรรจน์ดังกล่าวเห็นท่าไม่ดีจึงพากันหลบออกจากร้านไป
รอง ผบ.ม.1 รอ. เผยอีกว่า ลักษณะตู้เกมไฟฟ้าที่ยึดมาได้นี้ผู้เล่นต้องนำเงินไปแลกกับทางร้านเพื่อเติมเงินในบัตรเริ่มที่ 10 บาทขึ้นไป จากนั้นจะนำบัตรไปเสียบกับตัวเครื่องเพื่อเล่นเกมโดยในแต่ละเกมจะเลือกยิงการ์ตูนในลักษณะต่างๆสะสมคะแนนไปเรื่อยๆ และมีการบันทึกไว้สามารถนำไปขึ้นเป็นเงินสด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตู้เกมไฟฟ้าร้านเกมมินิแลนด์ ดังกล่าวเป็นของ “เฮียเฮง” หรือ “เฮง มาริโอ”เจ้าของตู้การพนันไฟฟ้ารายใหญ่ในย่านรัชดาฯและทั่วประเทศ เปิดบริการลักษณะนี้มานานกว่า 2-3 ปีแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ช่วยทหารยึดอำนาจมีการจัดระเบียบสังคมอย่างเข้มข้น ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป จุดประสงค์เพื่อคลายเครียดบ้างหรือเล่นพนันอย่างจริงจังบ้างโดยหวังมีเงินติดตัวกลับบ้านเล็กๆ น้อยๆ แต่ส่วนใหญ่โดนกินจนหมดตัว คาดว่าในแต่ละวันมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท
นี่คือรายละเอียดคร่าวๆซึ่งก่อนหน้าบ่อนพนันตู้เกมไฟฟ้า “เฮง มาริโอ”ที่ตบตาสังคมด้วยภาพลักษณ์ตู้เกมเพื่อความบันเทิง หรือเสริมทักษะนั้นเคยถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) บุกจับมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2554 ตรงกับยุคที่มี พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น ผบช.น. ในขณะนั้น และมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เป็น ผบก.น.1
ปฏิบัติการครั้งนั้นฝ่าย ป.ป.ท. ต้องหน้าหงายกลับสำนักงานไม่เป็นท่า เพราะเสียเชิง “เฮง มาริโอ” มีการปิดเซิร์ฟเวอร์จากต้นทางต่างประเทศ และเก็บวงจรทั้งหมดจนไม่เหลือร่องรอย อีกทั้งฝ่ายตำรวจซึ่งมีการเมืองหนุนหลังยังเปิดฉากรุกด้วยการอาศัยสื่อโจมตีว่า ป.ป.ท. ทำงานโดยพละการไม่มีการประสานงานมาก่อนซึ่งการแก้ตัวของตำรวจแม้จะฟังไม่ขึ้นแต่ในที่สุดเรื่องราวก็เงียบหายไปพร้อมๆ กับการดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งของธุรกิจการพนันตู้เกมไฟฟ้า ต่อเนื่องยาวนานหลายปีกระทั่งถูกตรวจสอบอีกครั้งจากฝ่ายทหารเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา
นี่คือส่วย หรือหม้อข้าวตำรวจไทยอีกใบหนึ่ง...เพราะนอกจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล แล้วยังมีข้อมูลว่ากิจการตู้พนันไฟฟ้าของ “เฮง มาริโอ” ยังกระจายอยู่ตามหัวเมืองสำคัญๆทั่วประเทศ โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้า เช่น ห้างเดอะมอลล์ รัชดาท่าพระ ตลาดไทยช่วยไทย (ฝั่งตรงข้าม) ชุมชน หรือโต๊ะสนุ้ก ซึ่งดัดแปลงมาเป็นการพนันออนไลน์ มีทั้งตู้ม้า ไปจนถึงบาคาร่า ไฮโล สุดแท้ลูกค้าจะถูกใจ รวมทั้งตู้ยิงปลา ออกวางอยู่ในพื้นที่ บก.น.8 และ บก.น.9 อยู่จำนวนมากโดยที่ทหาร และตำรวจ มองไม่เห็น
ช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมา จึงถือเป็นจังหวะน้ำขึ้น หลายกิจกรรม “สีเทา” ล้มหายตายจากกันหมด แต่ด้วยมุมมองทางการค้าที่แหลมคม “เฮง มาริโอ” จึงอยู่รอดปลอดภัย มีการลงทุนร่วมกับต่างชาติ มีองค์กรรักษาผลประโยชน์อย่างครบครัน ว่ากันว่า พ.ศ. นี้ เขาคือคลื่นลูกใหม่ กลบคลื่นลูกเก่า “ล้มแชมป์” เป๋ สามย่าน เจ้าพ่อตู้เกมไฟฟ้าที่รวยแล้วเลิกไปอย่างราบคราบ
จึงมีคำถามว่าถ้าใครบางคนไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยการพนันประเภทนี้จะเติบใหญ่ เรียกว่าเข้ามาแทนที่ตู้ม้า และการพนันต้องห้ามชนิดอื่นๆได้อย่างไร แน่นอนว่าต้องมีฝ่ายรักษากฎหมาย รักษากติกา “เอาด้วย” แต่จะถึงขั้นไหน ระดับไหนเรื่องนี้ไม่น่าจะยากเพราะข่าววงในต่างก็รู้ดีว่า
ใครคือ “นาย” ใครคือเจ้าของคอก “เฮง มาริโอ” ปฏิบัติการ “ตบหน้า”ตำรวจนครบาลโดยฝ่ายทหารครั้งล่าสุดนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแสดงจุดยืน แถลงต่อประชาชนอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป