“บอย ปกรณ์” ดารานักแสดงหอบหลักฐานการซื้อรถหรูลัมบอร์กินีจาก “กิตติศักดิ์” เข้าชี้แจงต่อ ปปง. ยันไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหาตัวการสำคัญในคดีลักเงิน สจล. ระบุราคารถเป็นราคาทั่วไปซึ่งซื้อจากเกร์มาร์เกตราคาจะต่ำกว่าซื้อที่ศูนย์ เลขาธิการ ปปง.เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีคนแอบอ้าง ปปง.โดยอ้างคดีดัง
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายปกรณ์ หรือบอย ฉัตรบริรักษ์ ดารานักแสดง พร้อมด้วยนายสุรเชษฐ์ ทองอู่ฉาง ทนายความ นำเอกสารและหลักฐานในการซื้อรถยนต์ซูเปอร์คาร์ยี่ห้อลัมบอร์กินี สีเขียว ต่อจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กว่า 1,600 ล้านบาท เข้าพบ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.เพื่อชี้แจงและให้ปากคำ โดยใช้เวลาในการชี้แจงนานกว่า 2 ชั่วโมง
นายปกรณ์กล่าวว่า วันนี้ได้นำหลักฐานเอกสารการเงินซึ่งเป็นเงินจากการทำธุรกิจก่อนนำไปซื้อรถ รวมทั้งสัญญาซื้อขายรถมาแสดงต่อ ปปง. ทั้งนี้ยืนยันว่าก่อนการซื้อขายรถไม่เคยรู้จักกับนายกิตติศักดิ์มาก่อน วิธีการซื้อรถยนต์ลัมบอร์กินีสีเขียวคันดังกล่าวได้มีการหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและเดินดูตามเต็นท์รถ ต่อมาได้เบอร์โทรศัพท์ของโอ๊ต ภาดา ซึ่งเป็นคนขายรถคันนี้ให้ จากบุคคลนอกวงการบันเทิงที่รู้จักกับนายกิตติศักดิ์ จากนั้นตนได้ตรวจสอบข้อมูลรถก่อนจึงซื้อ ทราบว่านายกิตติศักดิ์ซื้อรถมาจากตลาดเกรย์มาร์เกตเมื่อเดือน เม.ย.และตนเองก็ซื้อต่อมาเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับราคารถที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการซื้อขายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดนั้น นายปกรณ์ระบุว่า เป็นที่ทราบกันดีว่ารถที่ซื้อจากตลาดเกรย์มาร์เกตราคาจะต่ำกว่าศูนย์ และเมื่อขายต่อจะราคาตกลงมากเพราะเป็นรถที่รับประกันเพียง 1 ปี และต้องส่งซ่อมที่ศูนย์นอกซึ่งมีราคาแพงกว่า ดังนั้นที่มีการระบุว่าตนเองซื้อรถราคาแพงได้ในราคาต่ำกว่าปกติไม่เป็นความจริง เพราะนายกิตติศักดิ์ซื้อมาในราคา 17.8 ล้านบาท ขายต่อให้ตนราคา 13.5 ล้านบาท ก็เป็นราคาปกติในตลาดรถ ในส่วนที่ยังไม่สามารถนำรถมาส่งมอบให้กับทาง ปปง.ได้นั้น ทนายความของนายปกรณ์ชี้แจงว่ารถลัมบอร์กินีเป็นรถที่มีราคาแพงจึงขอตรวจสอบสภาพรถร่วมกับทาง ปปง.ก่อนมีการขนย้ายส่งมอบให้ ปปง.ตามระเบียบ
“ยังมีความกังวลใจ และอยากได้รถคืน เราคงโชคไม่ดีเองที่ได้มาซื้อรถคันนี้ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบของ ปปง.ต่อไป” นายปรณ์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท เลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า ทาง ปปง.จะตรวจสอบเอกสารที่นำหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทั้งเอกสารแคชเชียร์เช็ค โดยตรวจสอบกับธนาคารว่าเป็นของจริงหรือไม่ รวมทั้งเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องกับนายกิตติศักดิ์หรือไม่ ทั้งนี้จะตรวจสอบข้อมูลให้เสร็จเรียบร้อยเพื่อจะนำเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการธุรกรรมทางการเงินในวันที่ 11 ก.พ.นี้ หากตรวจสอบแล้วพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินและเงินที่ซื้อรถได้มาโดยความบริสุทธิ์ใจและถูกต้องตามศีลธรรม ทาง ปปง.ก็จะเพิกถอนการอายัดรถ
ส่วนกรณีที่รถคันดังกล่าวมีการซื้อขายราคาเกิน 2 ล้านบาทจะต้องรายงานธุรกรรมทางการเงินด้วยนั้น เลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า การรายงานธุรกรรมทางการเงินเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการที่ขายรถให้กับนายกิตติศักดิ์ ถ้านายกิตติศักดิ์นำเงินสดมาซื้อรถ ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน แต่หากซื้อด้วยแคชเชียร์เช็คก็ไม่ต้องรายงาน
นอกจากนี้ เลขาธิการ ปปง.ฝากเตือนไปยังประชาชนว่า หากมีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.โทรศัพท์ให้โอนเงินให้โดยอ้างกรณีของ “บอย ปกรณ์” ว่าจะมีการยึดทรัพย์หากไม่โอนเงินให้ อย่าเชื่อเด็ดขาด ล่าสุดมีผู้เสียหายเป็นลูกจ้างโรงงานโอนเงินที่สะสมมาทั้งชีวิตไปให้คนร้าย 6 ครั้ง รวมจำนวน 1.5 ล้านบาท เพราะกลัวว่าจะโดนยึดทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของ ปปง.โทรศัพท์ติดต่อเพื่อให้โอนเงินหรือสั่งการใดๆ หากเกี่ยวข้องกับการทำผิดใดๆ ก็จะมีหนังสือไปถึงเพื่อให้ตอบกลับ หรือโทร.มาสอบถามได้ที่ 1710